สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ต่อยอดแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลนเฟส 2 อุ้มเอสเอ็มอี
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมต่อยอดโครงการแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลน หลังจากเฟสแรกเมื่อพฤษภาคมปีนี้ มีเอสเอ็มอีรายย่อยในเครือข่ายของสมาชิกของสมาคมได้รับอนุมัติสินเชื่อกว่า 1,100 ล้านบาท สามารถช่วยให้เอสเอ็มอี มีแต้มต่อในการประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสมาคม เล็งเห็นว่ายังมีเอสเอ็มอีรายย่อยอีกจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมศักยภาพและต่อยอดการทำธุรกิจ จึงได้ผนึกกำลังร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย NITMX หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมต่างๆ ในเครือข่ายทั่วประเทศ สร้างแพลตฟอร์ม Digital Supplychain Finance จะช่วยทำให้การพิจารณาสินเชื่อของเอสเอ็มอีได้รับอนุมัติได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ
ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้เอสเอ็มอี และเกษตรกรไทยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ โครงการแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลนในเฟสสองจะเริ่มเปิดให้บริการเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ การสนับสนุนจากกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องการให้สินเชื่อซอฟต์โลนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษอย่างต่อเนื่อง
นายญนน์ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่สุดและต้องเร่งแก้ไขตอนนี้ คือ ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเอสเอ็มอี ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพื่อช่วยเหลือให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะเอสเอ็มอีรายย่อย เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการการเสริมสภาพคล่องมากที่สุด เข้าถึงแหล่งเงินทุนยากที่สุด มีความเสี่ยงที่จะไปกู้เงิน นอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยสูงและยอดวงเงินจำกัด เพราะเอสเอ็มอี เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญที่สุดต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะเศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถฟื้นตัวหรือเชิดหัวขึ้นได้เลย
หากเอสเอ็มอีในภาคการค้าและบริการไม่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นกลุ่มมีบทบาทสำคัญ ในการจ้างงาน สร้างรายได้ และเป็นฐานการผลิต สามารถพัฒนาไปสู่ภาคการส่งออกนำรายได้หลักเข้าสู่ประเทศ โดยภาคการค้าและบริการมีเอสเอ็มอีอยู่ในระบบกว่า 1.4 ล้านราย คิดเป็น 45% ของเอสเอ็มอีทั้งประเทศ มีการจ้างงานเกือบ 10 ล้านคน และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13 % ของจีดีพีภาคการบริโภค ฉะนั้นเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการเติบโตของเอสเอ็มอีภาคการค้าและบริการ
นายญนน์ กล่าวโครงการแซนด์บ็อกซ์ซอฟต์โลนเฟส 2 ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ผู้ซื้อ, ผู้ขาย และ สถาบันการเงิน สมาคมเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ขายและสถาบันการเงิน เนื่องจากสมาชิกของสมาคม ถือว่าเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด เช่น กลุ่มซีพี, โฮมโปร, อินเด็กซ์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, เซ็นทรัล รีเทล, โลตัส, บิ๊กซี, ดูโฮม, ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป, ธนพิริยะ, ริมปิง และแสงไทยแพร่ เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้ซื้อจะเชื่อมโยงข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าและการจ่ายเงินของผู้ขายที่ได้รับ ความยินยอมแล้ว เข้าไปไว้บน Platform เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปใช้เป็นหลักฐานการประกอบ การพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งเป็นข้อมูลที่โปร่งใส ครบถ้วน ตรวจสอบง่าย ทำให้การอนุมัติสินเชื่อสะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยอาศัยเครดิตของผู้ซื้อรายใหญ่ รวมถึงสมาคมร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทำแบบสำรวจแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อใช้ในการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ และเงื่อนไขการขอสินเชื่อที่ตรงตามความต้องการเอสเอ็มอี ในอนาคตแห่งโลกดิจิทัลหลังโควิด-19 อีกด้วย
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 14 ธันวาคม 2564