FTI Poll กังวลเงินเฟ้อฉุดเศรษฐกิจ ส.อ.ท.วอนรัฐทยอยปรับดอกเบี้ยไม่เกิน 1%
FTI Poll ครั้งที่ 9 ชี้เอกชนกังวลเอฟเฟ็กต์เงินเฟ้อ ฉุดการฟื้นตัวเศรษฐกิจ แนะรัฐทยอยขึ้นดอกเบี้ย คาดปี 66 อยู่ที่ระดับ 0.75-1.00% พร้อมรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทที่ 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โรงงานปรับแผนรัดเข็มขัดลดต้นทุน-ลดลงทุน ธุรกิจ 1 ใน 3 ทนไม่ไหวต้องปรับขึ้นราคาขายในประเทศส่งผ่านต้นทุนไปที่ผู้บริโภค
วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 19 ในเดือนกรกฎาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “ภาคอุตสาหกรรมจะรับมือกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร” พบว่าจากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 7.6% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ซึ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยภายนอกจากทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้
ทำให้มีโอกาสที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า เพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศไม่ให้ห่างกันจนมากเกินไป จนไปกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและค่าเงินบาท ดังนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอว่า กรณี ธปท.มีความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควรพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อย ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนั้น
รวมทั้งควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากบางธุรกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan), การสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้, มาตรการช่วยเหลือทางภาษีทั่วไป เป็นต้น โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ ปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 0.75-1.00% เพื่อที่จะรักษาทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย
ในส่วนของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่าถึงแม้การอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยส่งเสริมขีดความสามารถด้านราคาในการส่งออกสินค้าไทย แต่อีกมุมหนึ่งก็ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนพลังงาน สินค้าและวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งภาครัฐควรให้ความสำคัญในการกำกับดูแลการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และมาตรการป้องปรามหรือจำกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสนกับการดำเนินธุรกิจควรอยู่ที่ระดับ 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ผู้ประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่า เช่น การซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) หรือการซื้อสิทธิ์ที่จะซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Option Contract) เป็นต้น
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 27 กรกฏาคม 2565