"ส่งออก" รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ!!!
การเปิดประเทศของจีนจะเป็นต้นตอทำให้เกิดเงินเฟ้อโลก ส่วนของไทยจากการประเมินเงินเฟ้อปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ซึ่งยังไม่นับรวมหลังจากจีนเปิดเมือง ผลจากการเปิดเมืองเร็วขึ้นจะทำให้เงินเฟ้อของไทยสูงเกิน 3% ในครึ่งปีแรก
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ดร.อมรเทพ จาวะลา ระบุ หลังจากจีนยกเลิกมาตรการ zero covid เปิดประเทศซึ่งส่งผลดีต่อประเทศไทยที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ทั้งนี้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนหลังโควิดครั้งนี้จะเปลี่ยนไป มีการการใช้จ่ายค่อนข้างมาก แบ่งเป็น 4 รูปแบบ คือ 1. การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพแบบครอบครัว ไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญ 2. นักธุรกิจที่เข้ามาหาโอกาสการลงทุนในประเทศไทย 3. กลุ่มเมดิคัลทัวริสซึม รักษาพยาบาล ซึ่งมีการใช้จ่ายมากซึ่งกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูง 4. กลุ่มที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม คนไทยต้องรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศที่จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เชื่อว่าหลังจากจีนควบคุมการระบาดได้ตัวเลขจะลดลงตามลำดับ โอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะเพิ่มขึ้น โอกาสการส่งออกของไทยที่ประเมินว่าจะติดลบ 1% จากเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปยังมีปัญหา รวมถึงการส่งออกจากไทยไปจีนมีโอกาสติดลบเนื่องจากจีนนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงเพราะจีนเองลดการส่งออก ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจจีนเติบโตหลังจากการเปิดประเทศ มีการบริโภคมากขึ้น จะเป็นโอกาสของของการส่งออกไทยในกลุ่มสินค้าเกษตร อาหารแปรรูป
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการเปิดประเทศของจีนจะเป็นต้นตอทำให้เกิดเงินเฟ้อโลก ส่วนของไทยจากการประเมินเงินเฟ้อปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ซึ่งยังไม่นับรวมหลังจากจีนเปิดเมือง ผลจากการเปิดเมืองเร็วขึ้นจะทำให้เงินเฟ้อของไทยสูงเกิน 3% ในครึ่งปีแรก ช่วงครึ่งหลังจะลงช้า ซึ่งต้องติดตามนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยว่าอาจจะขึ้นดอกเบี้ยถึงระดับสูงสุด 2% ภายในไตรมาส 2 หากเงินเฟ้อยังสูงโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยยังเป็นไปได้
บาทแข็งรับจีนเปิดประเทศ
สำหรับทิศทางค่าเงินบาทต้นปี 2566 ที่แข็งค่าขึ้น อาจมาจากเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ หรือ บอนด์และสิ่งที่ไทยจะได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองของจีนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เงินบาทแข็งค่า เกิดการเก็งกำไรในเงินบาท เพราะถ้ามีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาจะเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศ แต่ในระยะสั้นเราไม่อยากให้เงินบาทแข็งค่าทิศทางเดียว ไม่ว่าทิศทางจีนเปิดเมือง หรือทิศทางขึ้นดอกเบี้ยของไทยทำให้เกิดการเก็งกำไรตราสารหนี้ระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว อาจจะสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่อาจจะต้องระมัดระวังการเปิดเมืองของจีนระยะสั้นอาจจะมีผู้ติดเชื้อสูง ซึ่งหากมีการจำกัดบางอย่าง อาจทำให้นักลงทุนตกใจ ทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าหรือถ้าราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงหรือปรับลงช้าอาจมีผลต่อเงินเฟ้อของสหรัฐ ทำให้เฟดยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ต้องรอดูความชัดเจน
ทั้งนี้ เชื่อว่าค่าเงินจะไม่แกว่งตัวมากเหมือนปีที่แล้ว โดยมองว่า ไตรมาสแรกปีนี้จะเห็นเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ที่ 34-35 บาท/ดอลลาร์ มีความเป็นไปได้ เพราะต้องรอปัจจัยการเปิดเมืองของจีนด้วยว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยแค่ไหนและจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง
นอกจากนั้น ยังเป็นห่วงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอที่จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการส่งออกไทยจะติดลบประมาณ 1% ในช่วงครึ่งปีแรกจากการที่เศรษฐกิจประเทศสำคัญๆ ชะลอการนำเข้า ซึ่งอาจมีผลต่อดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังติดลบและต้องระมัดระวังเงินบาทแกว่งตัวในช่วงครึ่งปีแรก แต่ในครึ่งปีหลังจะชัดเจนขึ้น