ส่องตลาดส่งออกสำคัญของไทยครึ่งปีแรก ตลาดไหนรุ่งตลาดไหนร่วง
ส่องตลาดส่งออกสำคัญของไทยครึ่งปีแรก "สหรัฐฯ อาเซียน CLMV เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา อินเดีย" ยังเป็นโอกาสทองของส่งออกไทย ขณะที่ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ลุ้นเศรษฐกิจ-สงครามรัสเซียคลี่คลาย
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับครึ่งปีแรกของภาคการส่งออกไทย เครื่องจักรเดียวที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด แต่ส่งออกไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่องโดยภาพรวมครึ่งแรกของปี 2565 (มกราคม-มิถุนายน) ไทยส่งออก มีมูลค่า 149,184.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวถึง 12.7%
แม้ว่าจะขยายตัวลดลงแต่มูลค่าการส่งออกกลับเพิ่มขึ้นจากปี2564ที่มีมูลค่า132,354ล้านดอลลาร์สรัฐ แต่การนำเข้ากลับมีมูลค่าสูงขึ้น 155,440.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 21% ส่งผลให้6เดือนไทยดุลการค้าขาดดุล 6,255.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ตลาดส่งออกสำคัญๆของไทยภาพรวมยังขยายตัวได้ดีในหลายตลาด ตามคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าที่ยังมีต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงจากผลกระทบของความขัดแย้งในยูเครนที่ยืดเยื้อ และอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น แต่มีเพียงการส่งออกไปจีนและญี่ปุ่นยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังซบเซาจากผลกระทบของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวด
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆแบ่งออกเป็น 3 ตลาด คือ “ตลาดหลัก” ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ อาเซียน(5) CLMV ยุโรป จีน และญี่ปุ่น “ตลาดรอง” ประกอบด้วย เอเชียใต้ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา รัสเซียและกลุ่มCIS และ “ตลาดอื่นๆ” เช่นสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้สรุปได้ดังนี้
ตลาดหลัก :
ในช่วง6เดือน ขยายตัว11.5% หรือมีมูลค่า 103,943ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดดังนี้
* ตลาดสหรัฐฯ 20.5% มูลค่า24,004ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ตลาดอาเซียน (5) 25% มีมูลค่า21,521ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปมาเลเซียสูงสุดมีมูลค่า6,435ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือขยายตัว9.8% รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย ขยายตัว 38%มีมูลค่า5,623ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น
* ตลาดCLMV 9.9% มูลค่า15,773ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเวียดนามสูงสุดมีมูลค่า6,707ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว0.1% รองลงมาเป็นกัมพูชา มีมูลค่า4,210ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว21% เป็นต้น
* ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัว10.4% มีมูลค่า42,030ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ตลาดจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนยังคงมีนโยบายซีโร่โควิดและยังไม่เปิดประเทศรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศส่งผลให้6เดือนไทยส่งออกไปตลาดจีนมีมูลค่า18,453ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว0.8%
* ตลาดญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ไทยส่งออกไปในช่วง6เดือนมีมูลค่าลดลงโดยมีมูลค่า12,714ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวเพียง1.4%เท่านั้น
ตลาดรอง :
ภาพรวมขยายตัว42,030ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ10.4%ซึ่งขยายตัวในตลาดดังนี้
* ตลาดเอเชียใต้ 6เดือนขยายตัว 7,301ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ35.7% โดยอินเดียไทยส่งออกไปสูงสุดถึง5,606ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ46.6% ส่วนตลาดที่ส่งออกติดลลคือฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่า5,547ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือติดลบ1.9%
* ทวีปออสเตรเลีย 6เดือนขยายตัวติดลบ3.2%หรือมีมูลค่า6,503ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ตลาด ตะวันออกกลาง 6เดือนขยายตัว21.5%หรือมีมูลค่า5,279ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปซาอุดิอาระเบียขยายตัวเพิ่มขึ้น10.8% หรือมีมูลค่า934ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ตลาดทวีปแอฟริกา 6เดือนขยายตัว5.1%หรือมีมูลค่า3,362ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ตลาดลาตินอเมริกา 6เดือนขยายตัว9.4%หรือมีมูลค่า4,648ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ตลาดรัสเซียและกลุ่ม CIS 6เดือนขยายตัวติดลบมากถึง34.4%หรือมีมูลค่า396ล้านดอลลาร์สรัฐ โดยไทยส่งออกไปรัสเซียติดลบถึง36%หรือมีมูลค่า292ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และ (3) ตลาดอื่น ๆ 6เดือนขยายตัวถึง205% หรือมีมูลค่า3,210ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายตัวถึง319% หรือมีมูลค่า2,776ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้สินค้าสำคัญของไทยที่ยังขยายตัวในตลาดสหรัฐ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม เป็น
* ตลาดอาเซียน (5)) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อากาศยานและส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาลทราย และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น
* ตลาด CLMV สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาลทราย ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น
* ตลาดสหภาพยุโรป (27) 0 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ไก่แปรรูป และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
* ตลาดเอเชียใต้ สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น
* ตลาดทวีปออสเตรเลีย สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อากาศยานและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
* ตลาดตะวันออกกลาง สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
* ตลาดทวีปแอฟริกา สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
* ตลาดลาตินอเมริกา สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น
ส่วนตลาดจีน :
สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง และทองแดงและของทำด้วยทองแดง เป็นต้น
ตลาดญี่ปุ่น :
สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา เป็นต้น
ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS :
สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 2 สิงหาคม 2565