เวียดนามแจงไม่ใช้นโยบายลดค่าเงินสร้างความได้เปรียบทางการค้า ร้องสหรัฐฯ พิจารณาจากความเป็นจริง
รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวเมื่อวันจันทร์ (26) ว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือการส่งออก และขอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประเมินตามความเป็นจริงในเวียดนาม
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้กล่าวเมื่อต้นเดือนว่าภายใต้คำสั่งของทรัมป์ ทางสำนักงานได้เปิดการสอบสวนว่าเวียดนามลดค่าเงินด่งให้อ่อนค่าเกินจริงและส่งผลกระทบต่อการค้าของสหรัฐฯ หรือไม่
“หากเงินด่งอ่อนค่าเกินจริง มันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เวียดนามไม่ได้ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการค้าระหว่างประเทศ” นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก กล่าวกับอดัม โบห์เลอร์ หัวหน้าหน่วยงานความร่วมมือทางการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมที่กรุงฮานอย
เวียดนามอยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตาของสหรัฐฯ ว่าอาจมีการบิดเบือนค่าเงิน เนื่องจากเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมาก และความเข้าใจที่ว่าธนาคารกลางเวียดนามกำลังเข้าซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศ
ในเดือนส.ค. กระทรวงการคลังสหรัฐฯ พบว่าสกุลเงินของเวียดนามมีมูลค่าต่ำเกินจริงในปี 2562 ประมาณ 4.7% เทียบกับดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการแทรกแซงของรัฐบาล
ในคำแถลง นายกฯ ฟุ้ก ยังขอให้โบห์เลอร์บอกทรัมป์และสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ให้ประเมินอย่างยุติธรรมบนพื้นฐานของความเป็นจริงในเวียดนามกรณีความไม่สมดุลทางการค้า
การเกินดุลการค้าของเวียดนามกับสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ขยายกว้างขึ้นเป็น 44,300 ล้านดอลลาร์ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ จาก 33,960 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลศุลกากรของเวียดนาม
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 27 ตุลาคม 2563