เปิด 4 ปัจจัย หนุนเวียดนามผู้ชนะตัวจริงสงครามการค้า
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสหรัฐและคู่ค้าอีกหลายประเทศ ส่งผลดีต่อเวียดนาม อย่างมาก ในฐานะเป็นประเทศแรงงานราคาถูก ต้นทุนด้านสาธารณูปโภคไม่แพง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ตั้งอยู่ในจุดที่มีความเหมาะสมในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ มีการทำข้อตกลงด้านการค้า-การลงทุนกับแทบทุกภูมิภาคของโลก ไม่มีทั้งภัยก่อการร้ายและการเมืองในประเทศนิ่ง
“เวียดนามจะได้ส่วนแบ่งจากจีนในแง่ของการผลิตที่เน้นแรงงาน ปัจจัยที่ดึงดูดบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในช่วงเกิดสงครามการค้าประกอบด้วย
- ค่าแรงถูก-ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำ ค่าแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนามถูกมากโดยอยู่ที่เดือนละ 216 ดอลลาร์ เวียดนามมีแรงงานจำนวนมาก คือ 57.5 ล้านคน รัฐบาลเวียดนามอัดฉีดเงินสนับสนุนด้านค่าไฟฟ้าในประเทศ ทำให้มีราคาเพียง 7 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
- ทำข้อตกลงการค้าเสรีทั่วโลก เวียดนามบรรลุข้อตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับเกาหลีใต้และสหภาพยุโรป (อียู) และเพิ่งลงนามข้อตกลงการค้าภาคพื้นแปซิฟิกกับ 10 ประเทศ ในเดือน มีนาคมที่ผ่านมา สัญญาการค้าที่มีการลงนามกับอียูในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีการซื้อ ขายกันแบบไม่ต้องเสียภาษีเกือบทั้งหมด ซึ่งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแค่สิงคโปร์ ประเทศเดียวเท่านั้นที่มีข้อตกลงลักษณะนี้กับอียู ที่น่าสนใจคือเวียดนามออกกฎหมายหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้นักลงทุนเป็นเจ้าของบริษัทมหาชนได้ 100% ยกเว้นในธุรกิจที่มีการควบคุม เช่น ธนาคารและโทรคมนาคม
- มีชัยภูมิเหมาะสม-พรมแดนติดจีน เวียดนามอยู่ใกล้กับจีนและมีอาณาเขตบางส่วนติดกัน ถือเป็น ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ บริษัทในจีน ที่ต้องการวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต หรือส่วนประกอบ ในการผลิตจากสหรัฐ สามารถใช้เวียดนามเป็นทางผ่านได้
- เศรษฐกิจแกร่ง-ค่าเงินผันผวนต่ำ เศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 7 % ในปีนี้ ส่งผลให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและขยายตัวเร็วที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค ส่วนค่าเงินด่องของเวียดนามในปี 2561 ก็มีความผันผวนต่ำ
แหล่งข่าว: กรุงเทพธุรกิจ ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2561