IMF หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจ หวั่นโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
MF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 3.2% ในปีนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เตือนโลกอาจสั่นคลอนจากภาวะถดถอยในไม่ช้า
วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เดอะสเตรตส์ไทมส์รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดแนวโน้มการเติบโตทั่วโลกสำหรับปีนี้และปีหน้า โดยเตือนว่าเศรษฐกิจโลกอาจอยู่ในภาวะถดถอยโดยสิ้นเชิงในไม่ช้า
IMF เผยระหว่างการอัพเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อวันอังคารว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงเหลือ 3.2% ในปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าที่ IMF คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% ในเดือนเมษายน และ 4.4% ในเดือนมกราคม
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ คาดว่าจะลดลงในปี 2566
“ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุว่า แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจมืดมัวลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เดือนเมษายน โลกอาจอาจสั่นคลอนจากภาวะถดถอยทั่วโลกในไม่ช้า หรือเพียง 2 ปีหลังจากภาวะถดถอยครั้งล่าสุด
ราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นเร็วกว่าที่คาดอย่างต่อเนื่อง IMF มองว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอีกในปีนี้ เนื่องจากต้นทุนอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น ประกอบกับความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่ยังคงปรากฏอยู่
พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 8.3% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 2539 ขณะที่การคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายนอยู่ที่ 7.4%
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อเดือนเมษายนระบุถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ได้แก่ สงครามในยูเครนที่เลวร้ายลง การคว่ำบาตรรัสเซีย การชะลอตัวในจีนที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ การระบาดของโควิด-19 ที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และคลื่นเงินเฟ้อที่บีบให้ธนาคารกลางต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในรายงานฉบับล่าสุดที่มีการปรับแก้แล้ว ยังมีการระบุถึงความเป็นไปได้ที่ยุโรปจะหยุดนำเข้าก๊าซจากรัสเซียในทันทีเนื่องมาจากสงคราม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอัตราเงินเฟ้อมากขึ้น รวมถึงวิกฤตที่เลวร้ายลงในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
IMF แนะนำด้วยว่า การควบคุมอัตราเงินเฟ้อด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นควรเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกสำหรับทางการ แต่สิ่งนี้จะความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 27 กรกฏาคม 2565