ดันระนอง เป็น Gate Way เชื่อมโยงขนส่ง-ท่องเที่ยว สู่เมียนมา
ภาครัฐ-เอกชน เดินหน้าผลักดันระนองเป็นประตูสู่ทางการค้า ขนส่ง ท่องเที่ยวในพื้นที่ทางตอนใต้เชื่อมโยงเมียนมา และกลุ่มBIMSTEC
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวระนอง ผลักดันเป็นพื้นที่ศูนย์กลางสำคัญทางการค้า ขนส่ง ท่องเที่ยวในพื้นที่ทางตอนใต้เชื่อมโยงเมียนมา และกลุ่ม BIMSTEC (ได้แก่ บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย เมียนมา เนปาล ภูฏาน และไทย)
หลังมีความคืบหน้าโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคทั้งการขยายท่าเรือ ถนนสี่เลน การพัฒนาสนามบิน และล่าสุดมีความคืบหน้าในการผุดเส้นทางรถไฟเชื่อมเส้นทางการขนส่งสินค้า 2 ฝั่งทะเลจากชุมพรฝั่งอ่าวไทยมายังระนองฝั่งอันดามัน
นายสนชัย อุ่ยเต็กเค่ง นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดระนอง จะคงยังให้ความสำคัญกับ 2 ยุทธศาสตร์สำคัญคือการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทางสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง,สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดชุมพร กำลังเร่งผลักดันให้จังหวัดระนองเป็นประตู (Gate Way ) ในการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวกับประเทศเมียนมา โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะและชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งปัจจุบันจังหวัดระนองมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ เนื่องจากมีความพร้อมด้านท่าเรือ
"การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวโดยการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวกับเมียนมา โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะและชายฝั่งทะเลอันดามัน และจังหวัดระนองมีท่าเรือและมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นประตู (Gate Way) ในการท่องเที่ยวบริเวณหมู่เกาะทางตอนใต้ของพม่า โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะมะริด ที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 800 เกาะ มีความสวยงามเช่นเดียวกับหมู่เกาะแถบอันดามันของไทย
โดยขณะนี้รัฐบาลเมียนมาได้มีแผนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่นี้อยู่แล้ว ดังนั้นทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง จะเน้นการเป็นฐานในการเชื่อมต่อเข้าไปเที่ยวหมู่เกาะมะริด โดยการเป็นตัวกลางจัดหานักท่องเที่ยวเชื่อมต่อไปยังเมียนมา และนำมาเป็นส่วนผสมกับแพคเกจทัวร์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่อวีซ่า ได้พักและท่องเที่ยวในจังหวัดระนอง"
นายสนชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ประเด็นการหาช่องทางดึงกรุ๊ปทัวร์ชาวเมียนมาเข้ามาท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบนก็เป็นอีกแผนการที่ทางผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องหลายองค์กรกำลังหาทางขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอยู่ ระนองเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามมากมายแต่ติดปัญหาเรื่องการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเมียนมาซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
แต่ติดปัญหาในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันได้รับอนุญาตจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้เข้ามาได้เพียงครั้งละ 3 วันเท่านั้น และได้รับอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวภายในรัศมี 15 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการด้านการท่องเที่ยว”
ที่ผ่านมากลุ่มภาคธุรกิจการท่องเที่ยวพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอดเพราะพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเมียนมาที่มีฐานะระดับกลางจำนวนมากต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน แต่ติดปัญหาข้อจำกัดด้านความมั่นคงที่ยังไม่เปิดกว้างให้ชาวพม่าสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยเช่นนักท่องเที่ยวทั่วไป
ฐานเศรษฐกิจ
30 ตุลาคม 2566
ดันระนอง เป็น Gate Way เชื่อมโยงขนส่ง-ท่องเที่ยว สู่เมียนมา
ภาครัฐ-เอกชน เดินหน้าผลักดันระนองเป็นประตูสู่ทางการค้า ขนส่ง ท่องเที่ยวในพื้นที่ทางตอนใต้เชื่อมโยงเมียนมา และกลุ่มBIMSTEC
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวระนอง ผลักดันเป็นพื้นที่ศูนย์กลางสำคัญทางการค้า ขนส่ง ท่องเที่ยวในพื้นที่ทางตอนใต้เชื่อมโยงเมียนมา และกลุ่ม BIMSTEC (ได้แก่ บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย เมียนมา เนปาล ภูฏาน และไทย)
หลังมีความคืบหน้าโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคทั้งการขยายท่าเรือ ถนนสี่เลน การพัฒนาสนามบิน และล่าสุดมีความคืบหน้าในการผุดเส้นทางรถไฟเชื่อมเส้นทางการขนส่งสินค้า 2 ฝั่งทะเลจากชุมพรฝั่งอ่าวไทยมายังระนองฝั่งอันดามัน
นายสนชัย อุ่ยเต็กเค่ง นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดระนอง จะคงยังให้ความสำคัญกับ 2 ยุทธศาสตร์สำคัญคือการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทางสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง,สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดชุมพร กำลังเร่งผลักดันให้จังหวัดระนองเป็นประตู (Gate Way ) ในการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวกับประเทศเมียนมา โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะและชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งปัจจุบันจังหวัดระนองมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ เนื่องจากมีความพร้อมด้านท่าเรือ
นายสนชัย อุ่ยเต็กเค่ง นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง
"การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวโดยการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวกับเมียนมา โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะและชายฝั่งทะเลอันดามัน และจังหวัดระนองมีท่าเรือและมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นประตู (Gate Way) ในการท่องเที่ยวบริเวณหมู่เกาะทางตอนใต้ของพม่า โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะมะริด ที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 800 เกาะ มีความสวยงามเช่นเดียวกับหมู่เกาะแถบอันดามันของไทย
โดยขณะนี้รัฐบาลเมียนมาได้มีแผนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่นี้อยู่แล้ว ดังนั้นทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง จะเน้นการเป็นฐานในการเชื่อมต่อเข้าไปเที่ยวหมู่เกาะมะริด โดยการเป็นตัวกลางจัดหานักท่องเที่ยวเชื่อมต่อไปยังเมียนมา และนำมาเป็นส่วนผสมกับแพคเกจทัวร์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่อวีซ่า ได้พักและท่องเที่ยวในจังหวัดระนอง"
นายสนชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ประเด็นการหาช่องทางดึงกรุ๊ปทัวร์ชาวเมียนมาเข้ามาท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบนก็เป็นอีกแผนการที่ทางผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องหลายองค์กรกำลังหาทางขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอยู่ ระนองเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามมากมายแต่ติดปัญหาเรื่องการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเมียนมาซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
แต่ติดปัญหาในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันได้รับอนุญาตจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้เข้ามาได้เพียงครั้งละ 3 วันเท่านั้น และได้รับอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวภายในรัศมี 15 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการด้านการท่องเที่ยว”
ที่ผ่านมากลุ่มภาคธุรกิจการท่องเที่ยวพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอดเพราะพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเมียนมาที่มีฐานะระดับกลางจำนวนมากต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน แต่ติดปัญหาข้อจำกัดด้านความมั่นคงที่ยังไม่เปิดกว้างให้ชาวพม่าสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยเช่นนักท่องเที่ยวทั่วไป
ขณะนี้สิ่งที่ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่จังหวัดระนองต้องการมากที่สุดคือต้องการให้ช่วยผลักดันเรื่องการอนุญาตให้ขยายพื้นที่ในการท่องเที่ยวออกไปให้มากขึ้น ซึ่งหากทำได้จะทำให้ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน และจากข้อเสนอดังกล่าวล่าสุดทาง สทท.ได้รับข้อเสนอและพร้อมที่จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวโดยภาพรวมในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบนว่ายอมรับความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย และจากวิกฤติปัญหาโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกทำให้นักท่องเที่ยวมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น พฤติกรรมการท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนแปลงไป นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในระยะหลังจะหันมาท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากขึ้น
ปัญหาสำคัญของการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบนคือ โลจิกสติกส์ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงให้เข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพบว่าการคมนาคมยังขาดการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งหากสามารถเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวให้เชื่อมโยงถึงกันได้จะทำให้การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากจังหวัดหลักมายังแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดรอง”