"ไทย" กระต่ายหลับ กำลังถูก "เวียดนาม" แซง?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด จนต่างประเทศเริ่มสนใจหันไปลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือ "เวียดนาม" อาจแซงหน้า "ไทย" ในไม่ช้า และก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในปี 2588
เคยได้ยินนิทานเรื่อง “กระต่าย” กับ “เต่า” กันไหม เป็นนิทานที่เล่าถึงความทะนงตัวของกระต่ายที่มั่นใจในฝีเท้าความเร็วตัวเอง แล้วไปท้าดวลเต่ามาวิ่งแข่งด้วยกัน แน่นอนว่าด้วยฝีเท้าของกระต่ายย่อมต้องแซงเต่าแบบไม่เห็นฝุ่นตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ต แต่ด้วยความทะนงตัว อวดเก่ง และประมาท กระต่ายคิดว่าตัวเองชนะแน่นอน จึงหยุดพักแอบงีบเอาแรง ขณะที่เต่าแม้จะเชื่องช้าแต่ก็วิ่งอย่างเต็มที่โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายเต่าก็สามารถแซงกระต่ายที่ยังคงหลับสนิท เข้าเส้นชัยไปได้สำเร็จ
ประเด็นเศรษฐกิจระหว่าง “ไทย” กับ “เวียดนาม” ถูกพูดถึงกันนานมากแล้ว ทุกครั้งที่บอกว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะโตแซงไทย ก็มักจะมีคนปรามาสว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่ไทยจะถูกเวียดนามแซง จนเราหลงระเริงกับตัวเอง เหมือนกระต่ายที่ประมาท ยิ่งถ้าดูการเติบโตของเศรษฐกิจไทยย้อนหลังในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลงเรื่อยๆ สะท้อนถึงศักยภาพเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ดูสวนทางกับเวียดนามที่โตแรงต่อเนื่อง
เวียดนามน่ากลัวแค่ไหน? ...ถ้าดูพื้นที่สื่อต่างประเทศในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เวียดนามถูกพูดถึงอย่างมากในฐานะ “ดาวรุ่งแห่งเอเชีย” เป็นเหมือน ตะวันดวงใหม่ที่ทุกคนวิ่งเข้าหา ปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศหลายแห่งได้หยิบยกรายงานของ New World Wealth ระบุว่า เวียดนามจะมีความมั่งคั่งเติบโตเร็วสุดในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีสถานะเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลกที่แข็งแกร่ง
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ระบุว่า ตัวเลข GDP ของเวียดนามในปี 2566 จะขยายตัวแตะระดับ 4.333 แสนล้านดอลลาร์ ขึ้นมาเทียบเท่ากับ “มาเลเซีย” ในขณะที่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ(CEBR) ในสหราชอาณาจักร ประเมินว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะโตอย่างรวดเร็วในอีก 9 ปีข้างหน้า โดยภายในปี 2576 ขนาด GDP ของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวไปอยู่ที่ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับ 24 ของโลก และยังคาดการณ์ด้วยว่าในอีก 14 ปี หรือปี 2581 มูลค่า GDP ของเวียดนามจะพุ่งแตะ 1.56 ล้านล้านดอลลาร์ ขึ้นเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับ 21 ของโลก แซงหน้า “ไทย” ที่จะมีขนาด GDP อยู่ประมาณ 1.313 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่เวียดนามจะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในปี 2588
คงไม่ต้องมองยาวไปถึง 14 ปี เอาแค่ปัจจุบันเราเริ่มเห็น “เวียดนาม” แซงหน้าไทยไปในหลายๆ เรื่องแล้ว โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนตรงจากต่างประเทศ(FDI) ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้เวียดนามทำได้ดีกว่าไทยค่อนข้างมาก และตัวเลขนี้จะเป็นเหมือนสปริงบอร์ดที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามกระโดดแรงยิ่งขึ้นในระยะข้างหน้า ขณะที่ไทยยังงมเข็มกันอยู่ว่าอะไรจะมาเป็น “เครื่องจักรใหม่” ที่ช่วยเติมใบบุญเก่าซึ่งกำลังหมดลง แม้เวลานี้หนทางข้างหน้ายังดูมัวหมอง ...แต่เราก็แอบหวังลึกๆ ว่าจะมีใครสักคนมาปลุกกระต่ายที่เย่อหยิ่งทระนงตัวนี้ให้ตื่นขึ้นมาวิ่งเร็วๆ อีกสักรอบ!
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ