สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มิ.ย. 2563 สหภาพยุโรป (EU) ประกาศรายชื่อ 14 ประเทศที่พวกเขาพิจารณาว่า “ปลอดภัยเพียงพอ” ที่จะอนุญาตให้พลเมืองของประเทศนั้นๆ สามารถเดินทางเข้ายุโรปได้ หลังจากพวกเขาเริ่มเปิดพรมแดนต้อนรับชาวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่เสียหายอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

 

หลังจากหารือกันหลายวัน สหภาพยุโรปก็ได้ข้อสรุปว่าจะอนุญาตให้นักเดินทางจากประเทศ แอลจีเรีย, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จอร์เจีย, ญี่ปุ่น, มอนเตเนโกร, โมร็อกโก, นิวซีแลนด์, รวันดา, เซอร์เบีย, เกาหลีใต้, ไทย, ตูนิเซีย และอุรุกวัย สามารถเดินทางเข้าสู่ยุโรปได้

ส่วนประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ยังถูกจัดเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนายังคงรุนแรง เช่นเดียวกับประเทศรัสเซียกับบราซิล ขณะที่ประเทศจีน จะถูกรวมเข้าไปในรายชื่อประเทศปลอดภัยด้วย หากรัฐบาลจีนยอมทำข้อตกลงต้อนรับนักเดินทางจากสหภาพยุโรปแบบเดียวกัน

 

ทั้งนี้ รายชื่อประเทศที่สหภาพยุโรปจะต้อนรับ อาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เนื่องจากพวกเขากำลังอยู่ในกระบวนการกำหนดรายชื่อประเทศ รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการระบุว่าประเทศใดเป็นชาติปลอดภัยในขั้นสุดท้าย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของชาติสมาชิก EU โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเที่ยงวันอังคาร

 

อนึ่ง สหภาพยุโรปเปิดพรมแดนภายใน ให้พลเมืองเดินทางไปมาระหว่างชาติสมาชิก EU ไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนชาวสหราชอาณาจักรจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นประชากรของสหภาพยุโรปจนกระบวนการเปลี่ยนผ่านเบร็กซิตสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ทำให้ในระหว่างนั้น พวกเขาจะถูกยกเว้นจากข้อจำกัดในการเดินทางเข้าออกชาติสมาชิก EU

 

 

ที่มา ไทยรัฐ

วันที่ 30 มิถุนายน 2563