นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19  รวมถึงภาวะการหดตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน รวมถึง SMEs ทั่วประเทศ หอการค้าไทยจึงได้ร่วมกับบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด จัดงาน “ไทยช่วยไทย คือไทยเท่@ยิ้มไปด้วยกัน” ขึ้นระหว่างวันที่ 2-26 กรกฎาคม 2563 ณ พาร์คพารากอน สยามพารากอน ด้วยการนำเกษตรกร ผู้ประกอบการจากจังหวัดต่าง ๆทั่วประเทศมาร่วมจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

 

“งานไทยช่วยไทย คือไทยเท่@ยิ้มไปด้วยกันที่จัดขึ้นนี้ได้กำหนดจัดในรูปแบบของการงานมหกรรมของดี 5 ภาค โดยเน้นรวบรวมผลไม้ สินค้าอุปโภคและบริโภคที่เป็นของดีประจำจังหวัดที่ถือว่าเป็นสินค้าอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น ซึ่งได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดีจากหอการค้าแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ มารวบรวมไว้ที่พาร์คพารากอนแห่งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้เลือกซื้อโดยตรงจากผู้ประกอบการและเกษตรกร

 

สำหรับการจัดงานฯ ได้กำหนดแบ่งช่วงเวลาการจำหน่ายสินค้าออกเป็น 5 ช่วงด้วยกัน คือ ระหว่างวันที่ 2-8 ก.ค.63 เป็นช่วงการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการและเกษตรกรจากภาคกลางและภาคตะวันตก ซึ่งมีสินค้าต่าง ๆที่น่าสนใจมากมาย อาทิทุเรียนป่าละอู อินทผลัมหลากหลายสายพันธุ์ ส้มโอ เมล่อนปลอดสาร ขนมไทยโบราณ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ผ้าฝ้ายหมักโคลน ฯลฯ

 

ส่วนระหว่างวันที่ 9-14 ก.ค. 63 เป็นช่วงการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการและเกษตรกรจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสินค้าที่น่าสนใจ อาทิ ทุเรียนภูเขาไฟ แตงโมไร้เมล็ด ข้าวโพดนมสดฮอกไกโด น้ำพริกโบราณรสเด็ด เนื้อโคขุนโพนยางคำ ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ ฯลฯ

 

ส่วนวันที่ 15-20 ก.ค.63 เป็นช่วงการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการและเกษตรกรจากภาคเหนือ ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมีทั้งผลไม้สด ผลไม้แปรรูปและสินค้าอื่นๆ อาทิ เสาวรส อโวกาโด้ ข้าว สินค้าเกษตรแปรรูป ปลาแดดเดียว ผ้าไทย ผ้าซิ่นตีนจก ฯลฯ

 

และในวันที่ 21-26 ก.ค.63 เป็นช่วงการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการและเกษตรกรจากภาคใต้ มีสินค้าที่น่าสนใจ อาทิ ส้มโอทับทิมสยาม ข้าวสังข์หยด หมูย่างเมืองตรัง ปลากุเลาเค็ม ซาลาเปาทับหลี และอื่นๆอีกมากมาย

 

“ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้สนใจ และนักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้าในงานไทยช่วยไทย คือไทยเท่@ยิ้มไปด้วยกันที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกร เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวข้ามวิกฤตที่เกิดขึ้นไปให้ได้ เพราะวันนี้ ทุกคนต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมวิถีใหม่ หรือความปกติใหม่ (New Normal) ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในสังคม ตลอดจนโมเดลธุรกิจและการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ ”

 

ที่มา Thai Chamber

วันที่ 1 กรกฏาคม 2563