"ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐ" ชี้ เศรษฐกิจ "จีน" ฟื้นเป็นรูปตัว V รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศ คาดกลับคืนภาวะปกติราว 80% ในปลายปีนี้

 

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของสหรัฐ เผยว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังคงดำเนินเป็นกราฟรูปตัว V ในเดือน มิ.ย. และต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งเป็นตัวนำ

 

การฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนเมื่อเดือนก่อน สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชนชั้นกลางและผู้บริโภคที่มั่งคั่งมีเงินและความเชื่อมั่นเพียงพอที่จะใช้จ่ายในอนาคต แอนดี รอธแมน นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทด้านการลงทุนแมตธิวส์ เอเชีย ในซานฟรานชิสโก เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับความยึดหยุ่นทางเศรษฐกิจของจีน

 

“เศรษฐกิจจีนได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศมากขึ้น และสิ่งสำคัญคือการใช้จ่ายของผู้บริโภคฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง” รอธแมนเสริมว่า การใช้จ่ายและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจะมาพร้อมกับการฟื้นตัวของรายได้อย่างเต็มกำลัง รวมถึงระดับความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในอนาคตด้วย

 

รอธแมนยังตั้งข้อสังเกตว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแรงนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการกระตุ้นอย่างเกินความจำเป็น ในขณะที่สินเชื่อขยับตัวเติบโตขึ้นเล็กน้อย และความพยายามของรัฐบาลจีนในการลดความเสี่ยงระยะยาวของระบบการเงินยังคงดำเนินต่อไป

 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การว่างงานยังคงเป็นปัญหา แต่ความสงบทางสังคมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นว่าการสนับสนุนของรัฐบาลที่ช่วยเหลือแรงงานและธุรกิจ ได้บรรเทาผลกระทบให้แก่คนจำนวนมากที่สูญเสียงาน วางรากฐานให้กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

“นี่คือเหตุผลที่ผมคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนจะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 80% ของภาวะปกติภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ 20% ที่เหลือยังคงไม่น่าเป็นไปได้จนกว่าจะพ้นช่วงที่พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวนเล็กน้อยในจีน และการระบาดใหญ่ทั่วโลกอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว หรือมีการพัฒนาและใช้วัดชีนที่มีประสิทธิภาพอย่างกว้างขวาง” เขากล่าว

 

นอกจากนี้ ยอดขายของร้นอาหารและบาร์ในจีนยังคงลดลงเมื่อเดือนก่อน ซึ่งธุรกิจที่จำเป็นต้องให้ลูกค้ามารวมตัวกันในพื้นที่จำกัดเหล่านี้มีแนวโน้มต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่

 

อย่างไรก็ตาม รอธแมนให้ความเห็นข้างต้น  หลังจากจีนรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ก.ค.) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสที่สองของปี 2563 ขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งตรงข้ามจากการหดตัว 6.8% ในไตรมาสแรก แต่ทั้งนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะคงไปในแนวทาง ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลจีนที่จะรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย 

 

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 20 กรกฏาคม 2563