เวียดนาม : การปฏิรูปเพื่อใช้โอกาสจากข้อตกลง EVFTA
ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป หรือ EVFTAได้มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างเวียดนามกับอียูผ่านการยกเลิกภาษีต่อสินค้ากว่าร้อยละ 99 รายการ แต่อย่างไรก็ดี เพื่อใช้โอกาสจากข้อตกลงดังกล่าว ตัวแทนของสมาคมสถานประกอบการและบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นว่า เวียดนามต้องปฏิรูปกลไกอย่างเข้มแข็งและสถานประกอบการต้องส่งเสริมการเป็นฝ่ายรุก
ผลการวิจัยของกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ระบุว่า ใน 5 ปีแรกหลังจากที่มีผลบังคับใช้ ข้อตกลง EVFTAจะช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.18-3.25 ซึ่งเป็นระดับสูงเมื่อเทียบกับข้อตกลง FTA ต่างๆที่เวียดนามเคยเข้าร่วม ตามผลการวิจัยของธนาคารโลกหรือ WB ชาวเวียดนามประมาณ 8 แสนคนอาจหลุดพ้นจากความยากจนหลังจากที่ข้อตกลง EVFTA มีผลบังคับใช้
การปฏิรูปกลไก :
ข้อตกลง EVFTA เป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้สำนักงานบริหารของรัฐและสถานประกอบการร่วมกันทำการปฏิรูปอย่างเข้มแข็งเพื่อใช้โอกาสจากข้อตกลงนี้ สำหรับสำนักงานภาครัฐ บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้เสนอให้รัฐบาลผลักดันการปรับปรุงระเบียบราชการ ทำการตรวจสอบและเสร็จสิ้นการจัดทำกลไกและนโยบายต่างๆ ดอกเตอร์ หวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามได้เผยว่า ปัจจัยชี้ขาดคือความตั้งใจในการปฏิรูปกลไกเพื่อปฏิบัติข้อตกลง EVFTA อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผมคิดว่า เพื่อผลักดันการปฏิบัติข้อตกลง EVFTA และการผสมผสานเข้ากับเข้าแสโลก ปัจจัยที่ช่วยให้เวียดนามประสบความสำเร็จคือการเปลี่ยนแปลงใหม่กลไกภายในประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจและสถานประกอบการ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดโลก ในกระบวนการนี้ การปฏิรูปกลไกมีความสำคัญที่สุด ถ้าหากคุณภาพของกลไกไม่สูง พวกเราก็จะเป็นเพียงผู้ผลิตที่พึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและมีมูลค่าเพิ่มไม่สูงนัก”
ดอกเตอร์ ดั๋งกิมเซิน อดีตหัวหน้าสถาบันกลไกและตลาดการเกษตรเห็นว่า ต้องมีข้อกำหนดเพื่อสร้างสรรค์ห่วงโซ่การเชื่อมโยงระหว่างการผลิตกับตลาด ทำให้สินค้าเวียดนามสามารถรักษาส่วนแบ่งในตลาดภายในประเทศได้อย่างมั่นคง
“ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องกำหนดผลิตภัณฑ์เชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้ง การสร้างสรรค์ห่วงโซ่คุณค่า สิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิรูปกลไก การสร้างสรรค์สมาคม สหกรณ์และห่วงโซ่คุณค่าที่เข้มแข็งซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เวียดนามสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลง EVFTA”
สถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุก :
ส่วนสถานประกอบการต้องถือข้อตกลง EVFTA เป็นจุดเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจในสภาวการณ์ใหม่ ถือแรงกดดันเกี่ยวกับการแข่งขันเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนา ต้องเป็นฝ่ายรุกในการแสวงหาแนวทางความร่วมมือกับตลาดหุ้นส่วนของข้อตกลงเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนามเพื่อใช้แหล่งเงินลงทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ดอกเตอร์ เลยวีบิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและผู้อำนวยการบริษัท Economica Vietnam ได้เผยว่า
“เมื่อเข้าร่วมข้อตกลง EVFTA พวกเราต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐาน คุณภาพและสิ่งแวดล้อมมากกว่าข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามเคยเข้าร่วมก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ ปัญหาเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า การติดฉลากสินค้า ข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ดังนั้น บรรดาสถานประกอบการต้องตระหนักได้ดีเกี่ยวกับข้อกำหนดนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่สินค้าของเราจะต้องเผชิญคดีฟ้องร้องการขายทุ่มตลาดและการพิพาททางการค้า”
สำหรับเศรษฐกิจที่มีขอบเขตเล็กอย่างเวียดนาม ถ้าอยากพัฒนาประเทศ นอกจากการส่งเสริมแหล่งพลังภายในประเทศแล้ว ก็ต้องใช้โอกาสจากข้อตกลงการค้าและการลงทุนระดับภูมิภาคและโลก การที่เวียดนามผลักดันการปฏิบัติแผนการปฏรูปกลไก สร้างบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจที่ได้มาตรฐานสากลและการที่สถานประกอบการพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อพัฒนาจะช่วยให้เวียดนามใช้โอกาสจากข้อตกลง EVFTA อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 3 สิงหาคม 2563