เวียดนามบอบช้ำหนัก-จีนจ่อแบนกาสิโนต่างชาติ
เวียดนามบอบช้ำหนัก-จีนจ่อแบนกาสิโนต่างชาติ โดยการตัดสินใจห้ามให้ชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเล่นการพนันส่งผลต่อชะตากรรมของรีสอร์ทกาสิโนจำนวนกว่า 40 แห่งในเวียดนาม
มาตรการคุมเข้มธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อเล่นกาสิโนข้ามพรมแดนของรัฐบาลจีน กำลังคุกคามและบั่นทอนเศรษฐกิจในเอเชียที่พึ่งพาการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะที่มาเก๊า ซึ่งถือเป็นแหล่งพนันภายใต้ร่มเงาของรัฐบาลจีนเตรียมดึงดูดเหล่านักพนันจากประเทศต่างๆทั้งฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ประกาศเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่าจะขึ้นบัญชีดำประเทศจุดหมายปลายทางด้านการพนัน โดยคำประกาศนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นประเทศใดเพียงแต่ระบุถึงเมืองต่างๆที่สร้างความปั่นป่วนให้แก่ตลาดท่องเที่ยวเอาท์บาวด์ของจีนและเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตของชาวจีน แน่นอน ความเคลื่อนไหวนี้ของทางการจีน เป็นข่าวร้ายของประเทศในอาเซียนหลายประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศเหล่านี้ กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดและดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้มาชดเชยกับรายได้ที่หายไปเพราะผลพวงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“ช่วงเวลาที่มีการใช้นโยบายนี้ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงอย่างมากถือเป็นข่าวร้ายสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเวียดนาม” นักธุรกิจรายหนึ่ง ซึ่งถือเป็นคนวงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเวียดนาม กล่าว
ถึงแม้เวียดนามจะจำกัดจำนวนนักเดินทางชาวต่างชาติอย่างมากมาตั้งแต่เดือนมี.ค.เมื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 แต่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวียดนามก็พยายามเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้ง ขณะที่การระบาดเริ่มส่งสัญญาณลดลง
ข้อมูลของทางการเวียดนาม ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว เวียดนามรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 6 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเวียดนาม เพราะฉะนั้นการตัดสินใจห้ามให้ชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเล่นการพนันจึงส่งผลต่อชะตากรรมของรีสอร์ทกาสิโนจำนวนกว่า 40 แห่งในเวียดนาม
การตัดสินใจแบนเรื่องนี้ของรัฐบาลปักกิ่งมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลที่ว่า กาสิโนต่างชาติจะทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นและปัญหาอาชญากรรมอื่นๆเพิ่มขึ้น ส่วนมาเก๊า เมืองแห่งธุรกิจการพนันโลกและเป็นกาสิโนถูกกฏหมายเพียงแห่งเดียวในจีน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "Junket" หมายถึง การเดินทางที่อ้างภารกิจ แต่ความจริงเป็นการไปพักผ่อน ส่วนใหญ่รัฐบาลเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ในการเดินทางที่อ้างภารกิจเหล่านี้มีเม็ดเงินมหาศาลที่ถูกเปลี่ยนมือ แต่แผนรณรงค์เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่นของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังสร้างความปั่นป่วนแก่รูปแบบการเดินทางที่อ้างภารกิจ ส่งผลให้เจ้าของกิจการกาสิโนบางแห่งโยกฐานไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทำให้ชาวจีนกระเป๋าหนักผู้ชื่นชอบการพนันเดินทางไปยังรีสอร์ทกาสิโนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งเป็นดินแดนที่อำนาจของรัฐบาลจีนเอื้อมไปไม่ถึง
ประเทศในเอเชียที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหากว่า มีชื่อกาสิโนปรากฏในบัญชีดำของทางการปักกิ่ง เช่น กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งรีสอร์ทกาสิโนขนาดใหญ่ 4 แห่งและยังมีกาสิโนเล็กๆอีกจำนวนมาก ล้วนรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก
เมื่อปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไปเที่ยวในฟิลิปปินส์ในสัดส่วนกว่า 20% ตลาดกาสิโนในประเทศนี้ขยายตัว 15%ในปี 2561 คิดเป็นมูลค่า 216.3 พันล้านเปโซ (4.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ประเทศสิงคโปร์ ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันเนื่องจากนักเดินทางจากจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวใหญ่สุดที่เดินทางเข้าไปเล่นการพนันในสิงคโปร์ แต่ปัจจุบัน รัฐบาลสิงคโปร์ยังคงห้ามนักเดินทางจากประเทศต่างๆเดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมเล่นการพนัน ส่งผลให้รายได้ของเดอะ มารินา เบย์ แซนด์ส รายงานรายได้ช่วงไตรมาส2แค่ 7ล้านดอลลาร์ ร่วงลงจากปีที่แล้วมากถึง 99% โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการห้ามนักเดินทางชาวจีนเข้าประเทศ
นับตั้งแต่มีรายงานเรื่องประเทศบัญชีดำออกมา ราคาหุ้นของบริษัทดำเนินธุรกิจด้านกาสิโนในตลาดหุ้นฮ่องกงก็ร่วงลงทันที เช่น ราคาหุ้นบริษัทซันซิตี้ กรุ๊ป ซึ่งกำลังพัฒนารีสอร์ทกาสิโนในเวียดนาม มูลค่าหุ้นร่วงลงไปมากถึง10% ส่วนราคาหุ้นบริษัทนากาคอร์ป ที่ดำเนินการรีสอร์ทกาสิโนในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ร่วงลงไป 14%
อย่างไรก็ตาม มีความวิตกกังวลในกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการพนันว่า จีน อาจใช้การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้เป็นอาวุธทางการเมืองเล่นงานบรรดาหุ้นส่วนทางการค้า เพราะจีนเคยใช้รูปแบบนี้กับเกาหลีใต้มาแล้ว ด้วยการจำกัดการเดินทางของชาวจีนไปยังเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้การที่เกาหลีใต้ยอมรับระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ที่พัฒนาและผลิตโดยสหรัฐ และเคยใช้กับญี่ปุ่น ในช่วงที่จีนมีกรณีพิพาทอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะในทะเลตะวันออก
ในส่วนของมาเก๊า ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าการขึ้นบัญชีดำกาสิโนต่างชาติของรัฐบาลจีนน่าจะส่งผลดีต่อมาเก๊า โดยประชาชนจากมณฑลกวางตุ้ง ที่อยู่ใกล้กัน ได้รับอนุญาตให้เดินทางข้ามพรมแดนมามาเก๊าได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนส.ค. ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า อุตสาหกรรมการพนันในมาเก๊าจะค่อยๆผ่อนคลายการคุมเข้มและจะทำให้ความต้องการในตลาดกาสิโนในดินแดนนี้ฟื้นตัวเต็มที่
การผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆบริเวณพรมแดนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับมาเก๊า เนื่องจากชาวจีนจากจีนแผ่นดินใหญ่มีสัดส่วนมากถึง70% ของผู้เดินทางโดยรวมเข้ามาเก๊า ซึ่งบริษัทเจฟเฟอรีส์ วาณิชธนกิจสัญชาติสหรัฐ คาดการณ์ว่า รายได้จากการพนันจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในเดือนนี้ ก่อนจะดำเนินมาถึงจุดคุ้มทุนในช่วงวันหยุดยาวในวันชาติจีนเดือนต.ค.ที่จะถึง
ทั้งนี้ ทางการมาเก๊า ไม่เปิดรับชาวต่างชาติตั้งแต่เดือนมี.ค.และส่วนใหญ่เป็นการห้ามนักเดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้จำนวนนักเดินทางตั้งแต่เดือนเม.ย.ลดลงเหลือไม่ถึง1% ส่วนรายได้จากสถานการพนันในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.ร่วงลง 82%
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 9 กันยายน 2563