เศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามกำลังเดินถูกทิศทาง
ก่อนการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ฝ่ายที่เป็นอริได้ใส่ร้ายป้ายสีว่า เศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามเป็นรูปแบบที่บิดเบี้ยวของลัทธิทุนนิยมที่ไม่สนับสนุนเศรษฐกิจภาคเอกชน แต่ผลสำเร็จมากมายจากการเปลี่ยนแปลงใหม่เศรษฐกิจและพัฒนาประเทศในตลอด 35 ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามกำลังเดินอย่างถูกทิศทาง
การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมของเวียดนามเกิดประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งในตลอดเกือบ 35 ปีของการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ เวียดนามได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยจากประเทศยากจนและล้าหลังในอดีต ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่คล่องตัวที่สุดของภูมิภาค เปิดกว้างและมีอัตราการขยายตัวรวดเร็วในโลก เวียดนามได้เข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA 13 ฉบับรวมถึง FTA ที่ได้ลงนามกับกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่ ๆ เช่น ข้อตกลง CPTPPและ EVFTA ทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปต่างถือเวียดนามเป็นคู่ค้าที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย -แปซิฟิก จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจที่นับวันเพิ่มมากขึ้น การเข้าร่วมข้อตกลง FTA ฉบับต่างๆของเวียดนามล้วนมีประสิทธิภาพ โดยถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 มี 71 ประเทศที่ให้การรับรองเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนาม
เศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมของเวียดนามกำลังปฏิบัติตามธรรมเนียมสากล รวมทั้งกลไกเกี่ยวกับเศรษฐกิจเชิงตลาดของโลก เช่น กฎระเบียบเกี่ยวกับขีดความสามารถในการแข่งขันและผลกำไร แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อค้ำประกันความยุติธรรมในการแข่งขันระหว่างสถานประกอบการภาครัฐกับสถานประกอบการภาคเอกชน ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 5 สมัยที่ 12 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้อนุมัติ 3 มติ ได้แก่ มติที่ 11-NQ / TW เกี่ยวกับการปรับปรุงกลไกระเบียบของเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมให้มีความสมบูรณ์ มติที่ 10-NQ / TW เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เป็นพลังขับเคลื่อนแก่เศรษฐกิจเวียดนาม และ มติที่ 12-NQ / TW เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้าง เปลี่ยนแปลงใหม่และยกระดับประสิทธิภาพของสถานประกอบการภาครัฐ
โดยทั้ง 3 มตินี้ต่างแสดงให้เห็นทัศนะที่ชัดเจนของพรรคเกี่ยวกับการสร้างระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มีความยุติธรรมระหว่างสถานประกอบการภาครัฐกับสถานประกอบการภาคเอกชน ในการประชุมของรัฐบาลกับท้องถิ่นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2019 นาย เหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคฯ ประธานประเทศเวียดนามได้ยืนยันว่า “ ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนา เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจโดยร่วมกับเศรษฐกิจภาครัฐและเศรษฐกิจแบบหมู่คณะเป็นแกนหลักเพิ่มความแข็งแกร่งและการพึ่งพาตนเองของเศรษฐกิจและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง” ซึ่งสามารถเห็นได้ว่า ในระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมของเวียดนาม ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือการขัดขวางเศรษฐกิจภาคเอกชน นอกจากนี้ พรรคและรัฐเวียดนามยังสนับสนุนให้เศรษฐกิจภาคเอกชนพัฒนาและสนับสนุนประชาชนทำธุรกิจให้ร่ำรวยเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง
ในความเป็นจริง เวียดนามมีสถานประกอบการภาคเอกชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นกลุ่มบริษัทที่เข้มแข็ง เช่น Vingroup, Sun Group, Vietjet Air, ThaCo Truong Hai, Hoa Phat และ FPT เป็นต้น ส่วนภาครัฐก็ส่งเสริมการพัฒนาอย่างรวดเร็วและบังคับใช้กฎหมายของสถานประกอบการภาคเอกชน ตามรายงานของนิตยสาร Forbes เมื่อวันที่ 7 เมษายนปี 2020 เวียดนามมีมหาเศรษฐี 4 คนที่อยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีโลก ได้แก่ นาย ฝ่ามเหญิดเหวื่อง ประธานกลุ่มบริษัท Vingroup ซึ่งมีทรัพย์สิน 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดอันดับที่ 286 คุณ เหงียนถิเฟืองถาว ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทเวียตเจ็ทแอร์และผู้ถือหุ้นของบริษัท Sovico Holdings มีทรัพย์สิน 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นาย เจิ่นบ๊าเยือง ประธานบริษัท THACO Truong Hai มีทรัพย์สินประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและนาย โห่หุ่งแอง ประธาน Techcombank มีทรัพย์สิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกเหนือจากที่อยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีของโลกแล้ว นับวันก็มีผู้ประกอบการชาวเวียดนามที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยมากขึ้น
การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมในเวียดนามมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์สังคมนิยม ไม่ไช่เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดแบบลัทธิทุนนิยมเพื่อสร้างระบอบทุนนิยม ในระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดนี้ มีการกำหนดตามแนวทางสังคมนิยมภายใต้การชี้นำของพรรคและการบริหารของรัฐ โดยถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อประชาชนและโดยประชาชน ส่งเสริมบทบาทการเป็นเจ้าของของประชาชน ปฏิบัติความก้าวหน้าทางสังคมและความเท่าเทียมกันในทุกขั้นตอนและทุกนโยบายสำหรับการพัฒนา ภายใต้การนำของพรรคและการบริหารของรัฐ เศรษฐกิจของเวียดนามได้ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ของระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดที่มีเสรีภาพ ผลสำเร็จในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในเวลาที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การกำหนดทิศทางและการบริหารเศรษฐกิจ สังคมของรัฐเวียดนามมีประสิทธิภาพมากกว่าประเทศอื่นๆ
เวียดนามกำลังสร้างเศรษฐกิจเชิงตลาดที่เรียนรู้ประสบการณ์ของเศรษฐกิจเชิงตลาดโลก แต่มีเอกลักษณ์ทางการเมืองและวัฒนธรรมเฉพาะของเวียดนาม สอดคล้องกับลักษณะสังคมในเวียดนาม ถึงแม้ยังมีข้อจำกัดต่างๆที่ต้องแก้ไข แต่จากผลสำเร็จที่ได้บรรลุและโอกาสต่างๆ เราสามารถยืนยันได้ว่า การสร้างสรรค์เศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยมในเวียดนามเป็นเส้นทางที่ถูกต้องบนเส้นทางมุ่งสู่การสร้างสรรค์ระบอบสังคมนิยม
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 23 กันยายน 2563