แจกเงินคู่แต่งงาน อีกนโยบายใจป้ำ หวังเพิ่มอัตราเกิดในญี่ปุ่น
คู่แต่งงานใหม่ที่เข้าพิธีแต่งงานตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้า จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 600,000 เยน หวังดึงดูดใจให้คนหนุ่มสาวสร้างครอบครัว เร่งสร้างประชากรเกิดใหม่ แก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
คู่แต่งงานที่จะได้เงินช่วยเหลือ ทั้งสามีและภรรยาต้องมีอายุขั้นต่ำ 40 ปี ในวันที่จดทะเบียนสมรส และมีรายได้รวมไม่เกิน 5.4 ล้านเยนต่อปี ส่วนผู้ที่มีอายุ 35-40 ปี และมีรายได้รวมกันไม่เกิน 4.8 ล้านเยนต่อปี จะได้เงินช่วยเหลือ 300,000 เยน
นโยบายนี้มีขึ้น หลังอัตราการมีบุตรของหญิงญี่ปุ่นล่าสุดอยู่ที่ 1 คน ต่อบุตร 1.36 คนเท่านั้น ขณะที่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีประชากรเกิดใหม่เพียง 865,234 คนถือว่าเป็นสถิติที่ต่ำที่สุด
ญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำ และลดลงต่อเนื่องมานานถึง 4 ปีแล้ว โดยนโยบายล่าสุดที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศใช้ คือการแจกเงินสนับสนุนจำนวน 600,000 เยน หรือราว 180,000 บาท ให้แก่คู่แต่งงานใหม่ที่จะเข้าพิธีสมรสกันในเดือนเมษายนปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายสร้างครอบครัวใหม่ กระตุ้นให้ประชาชนวัยเจริญพันธุ์แต่งงานและมีลูกมากขึ้น หลังชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแต่งงานช้าหรือเลือกที่จะไม่แต่งงาน เนื่องจากขาดแคลนทุนในการแต่งงาน ส่งผลให้มีประชากรเกิดใหม่ลดลง เพิ่มปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
สำหรับคู่แต่งงานที่เข้าเงื่อนไขได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 600,000 เยน ทั้งสามีและภรรยาต้องมีอายุขั้นต่ำ 40 ปีในวันที่จดทะเบียนสมรส และมีรายได้รวมกันไม่เกิน 5.4 ล้านเยนต่อปี หรือประมาณ 1.6 ล้านบาท ส่วนคู่สามีภรรยาที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปและมีรายได้รวมกันไม่เกิน 4.8 ล้านเยนต่อปี หรือประมาณ 1.4 ล้านบาท จะได้เงินช่วยเหลือ 300,000 เยน หรือประมาณ 89,000 บาท
นอกจากนี้ คู่แต่งงานที่จะรับเงินสนับสนุน จะต้องอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการแต่งงานใหม่ของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีเขตเข้าร่วมโครงการ 281 เขต หรือคิดเป็น 15% ของทั้งประเทศเท่านั้น เนื่องจากเขตที่เข้าร่วมต้องรับภาระค่าใช้จ่ายด้วยครึ่งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนว่าจะเพิ่มจำนวนเมืองที่เข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มเงินสนับสนุนให้เป็น 2 ใน 3 ของค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป
ผลสำรวจของสถาบันวิจัยประชากรและความมั่นคงทางสังคมของประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2558 พบว่า แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ ถือได้ว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้คนโสดในญี่ปุ่นตัดสินใจแต่งงานเพิ่มขึ้น โดยชายโสดอายุ 25-34 ปี กว่า 29.1 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงโสดอายุ 25-34 ปี กว่า 17.8 เปอร์เซ็นต์ มองว่าการขาดแคลนเงินเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเลือกที่จะเป็นโสดมากกว่าแต่งงาน
ในปัจจุบัน อัตราการมีบุตรของผู้หญิงญี่ปุ่น 1 คน อยู่ที่ 1.36 เท่านั้น ลดลง 0.06 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน และต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ขณะที่ในปี 2562 ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีประชากรเกิดใหม่เพียง 865,234 คน ต่ำกว่า 900,000 คนเป็นครั้งแรก ถือเป็นสถิติต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา ขณะที่ในปี 2562 มีชาวญี่ปุ่นอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ในสัดส่วนสูงถึง 28.41 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตัวเลขคาดการณ์จำนวนประชากรของรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2608 พบว่าประชากรของประเทศจะลดลงจาก 127 ล้านคน มาอยู่ที่ราว 88 ล้านคน และมีโอกาสที่จะลดลงต่ำถึง 82 ล้านคน
นี่เป็นเพียง 1 ในความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนแต่งงานและมีลูกมากขึ้น โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นมีความพยายามที่จะสนับสนุนอัตราการเกิด และสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรมาตลอด แต่อัตราการเกิดก็ยังเพิ่มขึ้นน้อยมาก ทำให้ไม่สามารถขยายช่องว่างของอัตราการเกิดกับอัตราการตายได้ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้ออกมาตรการรับมือกับอัตราการเกิดต่ำหลายมาตรการ ทั้งการอนุญาตให้ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร เพิ่มรัฐสวัสดิการต่างๆ สำหรับเด็ก ฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่รัฐบาลมุ่งหวังไว้เท่าที่ควร
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 30 กันยายน 2563