Circular Economy City วิชั่นเมืองแห่งอนาคต
เจาะลึกแนวคิดระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง "เศรษฐกิจหมุนเวียน" หรือ Circular Economy คืออะไร? มีความสำคัญขนาดไหนถึงถูกบรรจุให้อยู่ในแผนพัฒนาของประเทศต่างๆ? และส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก?
สถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ประเทศต่างๆ กลับมาทบทวนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าจะสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมใหม่ให้พึ่งพาตนเอง และมีความมั่นคงพื้นฐานในมิติต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพ อาหาร และการมีงานทำได้มากขึ้น มีระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากฐานทรัพยากรและทักษะประชาชน พร้อมทั้งกลไกการกระจายรายได้ที่ดีขึ้นและประเทศมีความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม รวมถึงประชาชนมีความยืดหยุ่นและมีขีดความสามารถในการปรับตัวรองรับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้
“เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ Circular Economy เป็นแนวคิดหนึ่งที่เป็นความหวังของระบบเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจและถูกบรรจุให้เป็นเป้าหมายสำคัญในยุทธศาสตร์ของหลายประเทศชั้นนำทั่วโลก
โดยเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางความคิด จากระบบเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear Economy) ที่นำวัตถุดิบมาผลิตและบริโภคก่อนที่จะทิ้งเป็นขยะ มาสู่ระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ที่มองการใช้ทรัพยากรที่วนลูปเป็นวงกลมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและลดการใช้ทรัพยากรให้เกิดความยั่งยืน เช่น การออกแบบเพิ่มความทนทานให้สินค้า การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ การเช่าซื้อหรือการแบ่งปันการใช้สินค้า การลดปริมาณขยะ การใช้ซ้ำ การเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน เป็นต้น
เนื่องจากปัจจุบัน ประชากรและกิจกรรมเศรษฐกิจกระจุกอยู่ที่เมือง ดังนั้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในเมืองจึงกลายเป็นวาระสำคัญของหลายประเทศ โดยมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงานใหม่และการลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Accenture (2015) วิเคราะห์ว่าภายในปี 2573 หากมีการเปลี่ยนจากแนวทางเศรษฐกิจแบบเชิงเส้นตรงเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนจะช่วยสร้างเศรษฐกิจมูลค่าถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์
การคาดการณ์ในระดับเมืองชี้ว่าแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในห่วงโซ่การก่อสร้าง ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งล้านตันต่อปี ส่วนในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ผลประโยชน์จากแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในด้านสาขาอาหาร สิ่งทอ ไฟฟ้าและพลาสติกอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านปอนด์ต่อปีภายในปี 2050 นอกจากนี้ในฝรั่งเศสคาดว่าจะมีการสร้างงานประมาณ 50,000 ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคอีล-เดอ-ฟร็องส์ ประเทศฝรั่งเศส และช่วยสร้างผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมทั้งมลพิษที่ลดลง สัดส่วนทรัพยากรหมุนเวียนหรือรีไซเคิลเพิ่มขึ้น และลดการใช้วัตถุดิบ น้ำ ที่ดินและพลังงาน
ทั้งนี้ทั่วโลกยังมีเศรษฐกิจหมุนเวียนน้อยกว่า 10% ของโลก อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความคิดริเริ่มที่น่าสนใจเกิดขึ้นในหลายเมืองโดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป
ประเทศเนเธอร์แลนด์ ณ เมืองโกรนิงเกน (Groningen) แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติของประเทศในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา หลังจากการตัดสินใจยุติการผลิตก๊าซภายในปี 2565 เมืองได้ตั้งเป้าหมายใหม่จะเป็นเมืองที่มีพลังงานและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกลาง (energy and CO2 neutral) ภายในปี 2578 และปล่อยของเสียให้เป็นกลาง (waste neutral) ภายในปี 2573
ด้วยเหตุนี้ เมืองโกรนิงเกนจึงกำลังดำเนินการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในยุทธศาสตร์ปี 2561 คณะกรรมการของเมืองพัฒนาวิสัยทัศน์เมืองมุ่งสู่ความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยระบุประเด็นยุทธศาสตร์ 3 ประการ ได้แก่ 1.การจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะสีเขียวเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคธุรกิจ 2.การจัดการขยะเพื่อมุ่งสู่เมืองที่ปล่อยของเสียงเป็นกลางในปี 2573 และ 3.สร้างความรู้ผ่านแพลตฟอร์มเชื่อมต่อสถาบันการศึกษา ธุรกิจและภาคประชาสังคม กับเทศบาล
มีการสร้างศูนย์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Hub) เพื่อเป็นพื้นที่บ่มเพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพ ในปี 2562 เมืองได้ริเริ่มโครงการ Front-runner Project เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในการดำเนินการตามรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น
เมืองอูเมโอ ประเทศสวีเดน มีเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลางในปี 2583 เมืองอูเมโอเป็นเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในสวีเดนตอนเหนือ ซึ่งต้องการโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรต่างๆ ในเมืองเพิ่มมากขึ้น เมืองจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์เมืองปี 2559-2571 โดยมีวิสัยทัศน์ให้เมืองอูเมโอเป็นผู้นำในเศรษฐกิจหมุนเวียน มีการตั้ง Circular Economy Business Accelerator North Sweden ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือสำหรับธุรกิจเพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมรูปแบบธุรกิจ
มีการจัดตั้งเครือข่ายอูเมโอที่สนับสนุนการดำเนินโครงการที่ยั่งยืนในท้องถิ่น เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว การขนส่งที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) มีศูนย์บ่มเพาะ 5 แห่งสำหรับสตาร์ทอัพ มหาวิทยาลัย เทศบาลและบริษัท มีการประยุกต์ใช้โซลูชั่นเทคโนโลยีสะอาดที่เป็นนวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาด การลดการใช้น้ำ เคมีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการก่อสร้างและการขนส่งที่ยั่งยืน
วินสตัน เชอร์ชิล เคยกล่าวไว้ว่าอย่าปล่อยให้วิกฤติที่เกิดขึ้นเสียเปล่า ในห้วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่รู้เวลาที่จะจบแน่นอนนั้น ประเทศไทยควรใช้เวลาดังกล่าวกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศไทยครั้งใหญ่ ซึ่งเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเปลี่ยนผ่านประเทศและเมืองไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 25 ตุลาคม 2563