งานประชุมสัมมนานานาชาติ CVTEC

เพื่อจัดทำแผนความร่วมมือเชื่อมโยงการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ การท่องเที่ยวและไมซ์ ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งด้านใต้ (Southern Coastal Economic Corridor) ภายใต้สถานการณ์ COVID-19
 
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และภาคีพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน จัด “งานประชุมสัมมนานานาชาติ CVTEC (Cambodia-Vietnam-Thailand Economic Corridor Conference) เพื่อจัดทำแผนความร่วมมือเชื่อมโยงการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ การท่องเที่ยวและไมซ์ ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งด้านใต้ (Southern Coastal Economic Corridor) ภายใต้สถานการณ์ COVID-19” ณ ห้อง Auditorium , C asean อาคาร CW Tower
 
 
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงาน และส่งมอบแผนงานยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ โครงการ CVTEC แก่ภาคีพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งด้านใต้ ให้มีการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ มีความต่อเนื่อง และอำนวยประโยชน์แก่เศรษฐกิจของทั้งสามประเทศได้อย่างแท้จริง
 
โดยโครงการ CVTEC เป็นโครงการที่มุ่งพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งด้านใต้ของประเทศไทย กัมพูชาและเวียดนาม ด้วยการส่งเสริมและยกระดับศักยภาพการเชื่อมโยงด้านการค้าการลงทุน ด้านโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวและไมซ์ ด้านการพัฒนาบุคลากรในภาคบริการ ตลอดแนวพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งด้านใต้ (Southern Coastal Sub-Corridor) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด ของไทย จังหวัดเกาะกง-สีหนุวิลล์-กัมปอต-แกป ของกัมพูชา และจังหวัดเกียนยาง-กาเมา ของเวียดนาม
 
อย่างไรก็ตาม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการ CVTEC  ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ของแต่ละจังหวัด และเพิ่มพูนศักยภาพด้านเศรษฐกิจของทั้งสามประเทศ สร้างความพร้อมและส่งเสริมศักยภาพของพื้นที่ในการรองรับกิจกรรมด้านการค้าการลงทุน ด้านโลจิสติกส์ ด้านการท่องเที่ยวและไมซ์
     
โครงการ CVTEC ได้ดำเนินต่อมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สาม ซึ่งหน่วยงานทางภาครัฐและเอกชน ได้ประสานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันโครงการ CVTEC ให้เกิดขึ้นได้จริง  โครงการ CVTEC ไม่เพียงแต่จะกระจายโอกาสในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงที่เคยกระจุกตัวเท่านั้น ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นช่องทางการสร้างงานและการพัฒนาภูมิภาคที่สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญอย่างโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC)  และพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone : SEZ) จังหวัดตราด พร้อมทั้งยังสามารถพัฒนาให้เชื่อมโยงกับ Belt and Road Initiative (BRI) โดยเฉพาะเส้นทางสายไหมทางทะเล หรือ “Maritime Silk Road”  และยังส่งผลถึงกิจกรรมการค้าในพื้นที่ชายแดน อันจะนำไปสู่การขยายผลความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของพื้นที่เศรษฐกิจ
     
 
นอกจากนี้ ยังสามารถยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ ด้วยการเปลี่ยนธุรกิจภาคบริการแบบดั้งเดิมเป็น High Value Services ยกระดับธุรกิจบริการที่มีศักยภาพมาสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงขึ้นด้วย creative economy และเพิ่มคุณค่าด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยโครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการผลักดัน คือ การเปิดเส้นทางเดินเรือเพื่อการท่องเที่ยวชายฝั่งระหว่างสามประเทศ ผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังส่งผลถึงอุตสาหกรรมไมซ์ ที่จะได้รับรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มาเข้าร่วมงานประชุม หรืองานจัดแสดงสินค้า รวมถึงรายได้จากการลงทุน การจัดงานแสดงต่าง ๆ นอกจากนี้ การจัดงานไมซ์ยังช่วยส่งเสริมธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนในพื้นที่อีกมาก
     
 
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ จะสร้างความตื่นตัวและกระตุ้นกิจกรรมทางธุรกิจในพื้นที่ ซึ่งนอกจากภาคีพันธมิตรจะร่วมรับมอบแผนยุทธศาสตร์ เพื่อผลักดันไปในแนวทางเดียวกันแล้ว ยังมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อระดมสมองกำหนดแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ในการขับเคลื่อนโครงการ CVTEC อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่าโครงการ CVTEC นี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิด กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวของไทย กัมพูชาและเวียดนามให้มากเพิ่มขึ้นด้วย
 
ที่มา Thai Chamber
วันที่ 29 ตุลาคม 2563

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)