"กรมพัฒนาธุรกิจการค้า" เผย ธุรกิจบริการด้านอาหารเคลื่อนที่ 10 เดือนแรกปีนี้โต 100 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ชี้เป็นแทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็วสะดวก

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยที่สังคม มีการแข่งขันและเร่งรีบมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับผลจากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต โซเชียลมิเดีย การสื่อสารและการขนส่ง ที่สำคัญผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้กิจกรรมของยุค newnormal หลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

 

โดยเฉพาะธุรกิจบริการร้านอาหารที่ต้องปรับรูปแบบการให้บริการเป็นการให้บริการจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ (Delivery) แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นร้านอาหารต่างๆและร้านแผงลอย จึงปรับรูปแบบการบริการเป็นรูปแบบฟู้ดทรัค (Foodtruck)หรือธุรกิจบริการด้านอาหารเคลื่อนที่ ซึ่งมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แบบพร้อมบริโภค เช่น เร่ขายโดยการเดินโดยรถยนต์หรือรถเข็นเป็นพาหนะ เพื่อขยายโอกาสในการแข่งขันธุรกิจรายย่อยได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ในต้นทุนที่ต่ำลง

 

จากข้อมูลการจัดตั้งธุรกิจบริการด้านอาหารเคลื่อนที่10 เดือนแรกปี 2563 (ม.ค.–ต.ค.) เพิ่มขึ้น 100%เมื่อเทียบกับปี 2562 และทุนจดทะเบียนในปี 2563 (ม.ค.–ต.ค.) มีจานวน 10.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 236.67% เมื่อเทียบกับปี 2562 ถือเป็นการจัดตั้งธุรกิจดังกล่าวสูงกว่าการจัดตั้งตลอดทั้งปี ของปี 2561 และ 2562 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความนิยม ในการจดทะเบียนธุรกิจประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านจำนวนการจดทะเบียนและมูลค่าทุนที่ใช้ในการลงทุน ทั้งนี้ธุรกิจบริการด้านอาหารเคลื่อนที่ที่ดำเนินกิจการอยู่ จำนวน ทั้งสิ้น 37ราย และมีมูลค่าทุนรวม 55.91ล้านบาท

 

ขณะที่ต่างชาติที่เข้ามาเปิดบริการด้านอาหารเคลื่อนที่โดยรวมมีมูลค่าการลงทุนรวม 55.91 ล้านบาท โดยในช่วงปี 2563 (ณ 31 ต.ค. 63) มีการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 64.47% โดยสัญชาติที่ลงทุนในธุรกิจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อังกฤษ 1.47ล้านบาท คิดเป็น 2.63%ดัช 0.98 ล้านบาท คิดเป็น 1.75%และเยอรมัน 0.79 ล้านบาท คิดเป็น1.42%

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563