กระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนามมีแผนการให้ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเป็นแหล่งส่งออกพลังงานภายในปี 2564-2573 โดยภูมิภาคได้รับแสงอาทิตย์เฉลี่ย 2,200-2,500 ชั่วโมงต่อปี มีพลังงานจากแสงอาทิตย์เฉลี่ย 4.3-4.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตารางเมตรต่อวัน แผงพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1 ตารางเมตรจึงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เฉลี่ย 5 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อวัน และสามารถเก็บแสงอาทิตย์ได้กว่าร้อยละ 90 ของทั้งปี จึงคาดว่าจะสามารถเป็นแหล่งพลังงานสะอาดให้กับทั้งประเทศได้ในอนาคตอันใกล้

 

นอกจากนี้ ภูมิภาคยังมีแนวชายฝั่งยาว 700 กิโลเมตร ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตพลังงานลมได้ 1,200-1,500 เมกะวัตต์ โดยมีจังหวัดบักเลียวเป็นผู้นำด้านการพัฒนาพลังงานลม ปัจจุบันจังหวัดมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมจำนวนมาก โดยมีโครงการพลังงานลม 2 โครงการที่ได้เชื่อมเข้าสู่โครงข่ายพลังงานแห่งชาติแล้ว มี 9 โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 และอีก 40 โครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการขออนุมัติการลงทุน

 

จังหวัดซอกจางมีโครงการพลังงานลมที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ 20 โครงการ โดยมี 8 โครงการที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนตุลาคม 2564 และโครงการที่เหลือภายในปี 2565-2566 ส่วนจังหวัดจ่าวิญก็มีการเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในจังหวัดเช่นกัน

 

นาย Le Anh Tuan รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยนครเกิ่นเทอ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมพลังงานในเวียดนามจะเน้นการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และจะไม่ก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินอีกต่อไป นอกจากนี้ ภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงจะเป็นแหล่งพลังงานให้แก่จังหวัดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตต่อไป

 

ที่มา Royal Thai Consulate-General, Ho Chi Minh City, Vietnam

วันที่ 5 มกราคม 2564