เวียดนามคือผู้ชนะที่ได้ประโยชน์สูงสุดในสงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน
ธนาคารเพื่อการลงทุนโนมูระระบุว่าเวียดนามได้รับประโยชน์สูงสุดในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยเศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 7.9% ในรอบหนึ่งปี นับจากเริ่มเกิดสงครามการค้าหลายประเทศได้รับอานิสงค์จากสงครามการค้า แต่เวียดนามได้มากที่สุด
ผลกระทบของสงครามการค้าในรอบหนึ่งปี ส่งผลให้จีดีพีของประเทศต่างๆ เติบโตเพิ่มขึ้นดังนี้ ไต้หวัน 2.1% ชิลี 1.5% มาเลเซีย 1.3% อาร์เจนตินา 1.2% สิงคโปร์ 0.7% ไทย 0.5% และฟิลิปปินส์ 0.1%
การส่งออกสินค้าอิเล็คโทรนิคส์ของเวียดนามไปสหรัฐอเมริกาเพื่อทดแทนสินค้าจากจีน คิดเป็นสัดส่วนที่สูง ตามด้วยเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าที่ใช้ในการเดินทาง
ในไตรมาสแรก ปี 2019 เวียดนามเป็นแหล่งนำเข้าของสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่าการนำเข้าเติบโตสูงสุดถึง 40.2%
ธนาคารดีบีเอสของสิงคโปร์ทำนายว่าขนาดเศรษฐกิจเวียดนามจะใหญ่กว่าสิงคโปร์ในทศวรรษหน้า หากอัตราการเติบโตทางเศรษบกิจของทั้งสองประเทศยังคงเดิม
ปีที่แล้ว เศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 7.1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเป็นอันดับสองของเอเซีย ตามหลังอินเดียซึ่งเติบโต 7.2%
นักวิเคราะห์การเงินของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่ามูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปสหรัฐอเมริกาในปีนี้จะเท่ากับประมาณ 69 พันล้านเหรียญ เทียบกับมูลค่าการค้าทวิภาคีประมาณ 62 พันล้านเหรียญในปีที่แล้วโดยเวียดนามเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 39.5 พันล้านเหรียญในปี 2018
ในปี 2017 มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปจีนเท่ากับ 10.3% ของจีดีพีของเวียดนาม เวียดนามจึงพึ่งพาตลาดจีนค่อนข้างมาก
จีนเป็นคู่ค้าอันดับต้นของอาเซียน สงครามการค้าส่งผลร้ายต่อบริษัทต่างๆ ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของโลก ซึ่งมีผลชะลอการเติบโตของการส่งออกของอาเซียน ยกเว้นเวียดนาม
ที่มา : The Asean Post วันที่ 13 มิถุนายน 2562