เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือขอเข้าพบพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอสถานการณ์เอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน รวมถึงนำเสนอแนวทางช่วยเหลือ อาทิ แนวทางลดภาระและเสริมสภาพคล่อง พักชำระหนี้พักดอกเบี้ยทั้งหมดอย่างน้อย 6 เดือนต่อเนื่อง โดยรัฐและธนาคารแบกรับฝ่ายละ 50%

 

2. แนวทางรักษาการจ้างแรงงานและประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไป ซึ่งสามารถทำได้ 2 แนวทาง คือ การปัดฝุ่นกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกองทุนที่มีหลักเกณฑ์และคณะกรรมการภาครัฐและเอกชนระดับจังหวัดดูแลได้โดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นกองทุนทำหน้าที่เสริมสภาพคล่อง รักษาจ้างงาน และพัฒนาท้องถิ่น นอกจากนี้จะเสนอรัฐบาลจัดตั้งกองทุนเอ็นพีแอล

 

โดยการโอนหนี้เสียในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ศักยภาพ มาเข้ากองทุนเอ็นพีแอลโดยรัฐเสริมเงินและมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง อาจเริ่มที่รายละ 5 หมื่นถึง 1 แสนบาทเป็นทุนตั้งต้น ปลอดชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 1-2 ปี จนกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลสามารถนำเงินบางส่วนจากพ.ร.ก.กู้เพิ่ม 5 แสนล้านบาทมาใช้ใน 2 กองทุนได้ เบื้องต้นทราบว่าจะได้เข้าพบนายกฯในสัปดาห์นี้

 

” ขณะนี้เห็นสัญญาณเอสเอ็มอีจากที่ปิดกิจการชั่วคราวเป็นปิดถาวรมากขึ้น เห็นการผิดนัดชำระหนี้1-2 เดือนต่อเนื่องแล้ว และถูกธนาคารขึ้นบัญชีกลุ่มหนี้สงสัยจะสูญกว่า 2 แสนราย หากเดือนมิถุนายนนี้การแพร่ระบาดโควิด-19ยังไม่ดีขึ้น อาจมีเอสเอ็มอีแสนรายกลายเป็นเอ็นพีแอล” นายแสงชัย กล่าว

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 31 พฤษภาคม 2564