เช็คคำสั่ง-เงื่อนไข! "เปิดประเทศ" รับ "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" เข้าไทยพรุ่งนี้

ประกาศราชกิจจาฯแล้ว เช็คคำสั่ง-เงื่อนไข! "เปิดประทศ" รับ "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" เข้าไทยพรุ่งนี้ 1 ก.ค. เป็นต้นไป
 
เปิดคําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 7/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 11) ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประกาศราชกิจจานุเบกษาวานนี้ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564
 
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ให้ขยาย ระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 โดยมีคําสั่งศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19) ที่ 4/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติ ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 และคําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 5/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติ ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 นั้น
 
เพื่อให้การปฏิบัติงานตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยาย ระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว และตามคําสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2563 เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (2) ของคําสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กํากับ การปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด - 19
 
จึงมีคําสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ ดําเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคแนบท้ายคําสั่งโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
 
มาตรการป้องกันโรคสําหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร แนบท้ายคําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 2/2564 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2564
 
1. การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้โดยสารหรือผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (12) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กําหนดให้เป็นจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล
 
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร :
 
1) ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน
2) เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ซึ่ง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) หรือศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแล คนไทยในต่างประเทศ อนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดโดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้มีการลงทะเบียนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ทางราชการกําหนด ทั้งนี้ ผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศดังกล่าวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนออกเดินทาง เว้นแต่ผู้ที่พํานักอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรและได้เดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติ ข้างต้น โดยให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้
 
- หนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry - COE)
 
- ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (Medical Certificate with a laboratory result indicating that COVID - 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
 
- กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด - 19 | ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงินไม่น้อยกว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- หลักฐานการชําระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR โดยระบุระยะเวลาการเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 วัน ในโรงแรมหรือสถานที่พัก ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกําหนด สําหรับกรณีที่ผู้เดินทางพํานักอยู่ในราชอาณาจักร เป็นเวลาน้อยกว่า 15 วัน ให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุห้วงระยะเวลาในการเดินทางออกจากราชอาณาจักร หลักฐานการชําระเงินค่าที่พัก และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ในห้วงเวลาดังกล่าว
 
- เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกําหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับ การขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ สําหรับผู้มีอายุต่ํากว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID - 19 is not detected) โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
 
ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศของประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ก่อนออกเดินทาง (Exit Screening)
 
มาตรการเมื่อเดินทางถึงประหว่างอยู่ในราชอาณาจักร :
 
1) มาตรการตรวจคัดกรองอาการและการดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
1.1) กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักรโดยสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงมายัง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดําเนินพิธีการตรวจ คนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
 
1.2) กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักรโดยสายการบินที่ไม่มีเที่ยวบินตรง และต้องเดินทางโดยทางอากาศต่อไปยังท่าอากาศยานที่ จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว ให้ผู้เดินทางดําเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
 
ก. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึง การดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศจุดแรกที่มีการเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักร ก่อนเดินทางต่อไปยัง ท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว
 
ข. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึง การดําเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศหรือในพื้นที่ของท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางที่เป็นพื้นที่จังหวัดนําร่อง ด้านการท่องเที่ยว
 
2) ให้ใช้ระบบติดตามหรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกําหนด โดยให้เปิดระบบติดตามดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังหรือติดตาม อาการระหว่างที่ผู้เดินทางพํานักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว
 
3) ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมหรือสถานที่พักโดยยานพาหนะที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ โดยต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใด ๆ ก่อนถึงโรงแรมหรือสถานที่พัก
 
4) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ทางราชการกําหนด โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
 
4.1) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR จํานวน 1 ครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงราชอาณาจักร โดยห้ามเดินทางออกนอกโรงแรม หรือสถานที่พักจนกว่าจะมีผลการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19
 
4.2) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR เพิ่มเติมจากข้อ 4.1) ดังนี้
 
ก. กรณีพํานักอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 7 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 7 ของระยะเวลาที่พํานักหรือตามที่ กระทรวงสาธารณสุขกําหนด
 
ข. กรณีพํานักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 10 - 14 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 - 13 ของระยะเวลาที่พํานักหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด
 
ทั้งนี้ ในกรณีพบว่าผู้เดินทางมีการติดเชื้อโรคโควิด - 19 ให้โรงแรมหรือสถานที่พักดําเนินการประสานส่งตัวผู้เดินทางไปยังสถานพยาบาล คู่สัญญาตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกําหนดโดยเร่งด่วนเพื่อทําการตรวจหรือรักษาต่อไป โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างโรงแรมหรือสถานที่พักกับผู้เดินทาง
 
5) กรณีผู้เดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักหลังจากทราบผลการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 ให้ผู้เดินทางรายงานตัวเมื่อกลับมา ยังโรงแรมหรือสถานที่พักทุกวันตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกําหนด โดยห้ามไปพํานัก ค้างคืนในสถานที่อื่นนอกเหนือจากโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้กําหนดไว้ และให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ราชการกําหนด อย่างเคร่งครัดตลอดเวลาที่พํานักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว
 
6) กรณีผู้เดินทางพํานักอยู่ในจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ห้ามผู้เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนําร่อง ด้านการท่องเที่ยวเด็ดขาด และเมื่อครบกําหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรทันที
 
7) กรณีผู้เดินทางพํานักอยู่ในจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ให้สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนําร่อง ด้านการท่องเทียวได้ เมื่อครบกําหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
 
มาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักรหรือเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดอื่น ภายในราชอาณาจักร
 
- ให้ตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกําหนด โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
 
พื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร ให้ผู้เดินทางแสดงหลักฐานการพํานัก ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว พร้อมหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR ตามข้อ 4.2)
 
ข. ต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดต้นทางและจังหวัดปลายทางตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกําหนด
หน่วยงานผู้รับผิดชอบ
 
- กระทรวงการต่างประเทศ ออกคู่มือ เกณฑ์การปฏิบัติ การตรวจสอบเอกสาร การให้ข้อมูลกรมธรรม์กับผู้เดินทาง และการประเมินความพร้อม ของผู้เดินทางก่อนเดินทาง ตามมาตรการที่กําหนด 
 
- กรมควบคุมโรค ตรวจสอบ เอกสารรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) 
 
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว ร่วมรับผิดชอบ ดังนี้
 
1) กําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ โรงแรมที่พักในพื้นที่จังหวัดนําร่อง ด้านการท่องเที่ยว
 
2) ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน การชําระค่าที่พัก และระยะเวลา พํานักในราชอาณาจักร
 
3) พัฒนาและดูแลระบบหรือ แอปพลิเคชันติดตามตัวในระหว่าง ที่พํานักในราชอาณาจักร
 
4) ประชาสัมพันธ์และกําชับ ให้มีการปฏิบัติตามมาตรการ ด้านสาธารณสุขที่ทางราชการ กําหนดอย่างเคร่งครัดและ 
 
5) จัดทําแผนเผชิญเหตุหรือ หลักเกณฑ์การยุติโครงการจังหวัด นําร่องด้านการท่องเที่ยว ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีที่พบ การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นถึงจํานวน ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุข กําหนด - จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยว จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด ในลักษณะ Command Center ทําหน้าที่ควบคุม กํากับ ดูแล และ จัดการสถานประกอบการ สถานที่ ท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก และ ผู้เดินทางให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกําหนดอย่างเคร่งครัด โดยให้รายงานสถานการณ์ให้ทราบ เป็นระยะ - กระทรวงสาธารณสุขกํากับ ดูแล และประเมินการจัดการด้าน การแพทย์ในสถานประกอบการ สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ที่ทางราชการกําหนด - กระทรวงคมนาคมควบคุมกํากับ การเดินทางจากช่องทางเข้าออก ระหว่างประเทศไปยังโรงแรมที่พัก
 
- กระทรวงสาธารณสุขออกคู่มือ หลักเกณฑ์ หรือแนวทางเกี่ยวกับ การเข้าพํานักในพื้นที่จังหวัดนําร่องด้านการท่องเที่ยวและการตรวจหา | เชื้อโรคโควิด - 19 สําหรับผู้เดินทางตลอดจนกํากับติดตามการคัดกรอง อาการป่วย การตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 และการประเมินผล การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค
 
หมายเหตุ :
 
1. ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้กรมธรรม์โดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ภายใต้การกํากับและรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยกรมธรรม์ประกันภัยต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกรณีการติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการด้วย
 
2. การเริ่มนับระยะเวลาที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่ที่ผู้เดินทางอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ณ ช่องทางเข้าออก ระหว่างประเทศ
 
2.1 ตั้งแต่เวลา 00.00 นาฬิกา ถึง 18.00 นาฬิกา ให้นับวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นวันแรก (Day 1) 
 
2.2 ตั้งแต่เวลา 18.00 นาฬิกา ถึง 00.00 นาฬิกา ให้นับวันถัดจากวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นวันแรก (Day 1)
 
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 30 มิถุนายน 2564      

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)