วานนี้ (13 กรกฎาคม) ทางการเวียดนามเผยเตรียมอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สามารถฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA จาก Pfizer-BioNTech เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกวัคซีนเข็มที่ 2 สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็น AstraZeneca และมีความกังวลเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

 

โดยทางการเวียดนามเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองไปแล้วราว 4 ล้านโดส มีชาวเวียดนามราว 2.7 แสนรายหรือคิดเป็นเพียง 0.3% ของประชากรทั้งประเทศเท่านั้นที่รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัคซีนจาก Sinopharm และ Oxford-AstraZeneca ก่อนที่จะได้รับวัคซีน Pfizer ล็อตแรก 97,111 โดสเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าวัคซีนจาก Pfizer ราว 3 ล้านโดสจะได้รับการจัดส่งให้ทางการเวียดนามภายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 นี้ ขณะที่อีก 27-28 ล้านโดส จะได้รับการจัดส่งในช่วงไตรมาสที่ 4 หรือภายในสิ้นปีนี้

 

ทางการระบุว่า วัคซีน Pfizer นี้จะฉีดให้กับผู้ที่มีความประสงค์จะฉีดวัคซีนชนิดนี้เป็นเข็มที่ 2 และฉีดหลังจากเข้ารับวัคซีน AstraZeneca ไปแล้ว 8-12 สัปดาห์ ซึ่งในหลายประเทศ เช่น แคนาดา เกาหลีใต้ สเปน ต่างอนุญาตให้มีการผสมสูตรวัคซีน โดยใช้วัคซีน mRNA เป็นเข็มที่ 2 แล้ว โดยเกี่ยวเนื่องกับความกังวลที่อาจจะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หลังจากที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca แม้จะยังคงมีโอกาสพบได้น้อยมากก็ตาม อีกทั้งการศึกษาทดลองเบื้องต้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการผสมวัคซีนในสเปนก็พบว่า วัคซีน AstraZeneca + วัคซีน Pfizer ก็มีความประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงเช่นเดียวกัน

 

ล่าสุด เวียดนามกำลังอยู่ในช่วงการระบาดระลอกใหญ่ มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 32,665 ราย เพิ่มสูงขึ้น 10 เท่าในช่วง 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา รักษาหายแล้ว 9,331 ราย เสียชีวิตแล้ว 125 ราย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 2,000 รายต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิดในเวียดนาม โดยทางการเผยว่า เวียดนามจะได้รับวัคซีน AstraZeneca จากรัฐบาลออสเตรเลีย 1.5 ล้านโดส และจากรัฐบาลญี่ปุ่นอีก 1 ล้านโดสในเร็วๆ นี้

 

ที่มา thestandard.co

วันที่ 14 กรกฏาคม 2564