ฟ้าทะลายโจร : เบื้องหลังถอนวิจัย หมอขวัญชัย ตอบรักษาโควิดได้หรือไม่?
นพ.ขวัญชัย เผยเบื้องหลังการวิจัยยาฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้จริงหรือไม่ ปมนักวิจัยไทยถอนงานวิจัยคืน
วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณี นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ทีมนักวิจัยชาวไทยได้ขอถอนนิพนธ์ต้นฉบับของตนเอง เรื่องการใช้ยาฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิด-19 ที่รอตีพิมพ์ กลับคืนจากคลังวารสารรอตีพิมพ์ (medRxiv) ด้วยเหตุผลว่า มีความผิดพลาดในการคำนวณค่านัยสำคัญของความแตกต่าง (p-value)
ล่าสุด นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ประเด็นดังกล่าว ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand
เหตุผลในการถอนงานวิจัย :
นพ.ขวัญชัยกล่าวว่า ก่อนอื่นก็ต้องทำเข้าใจก่อนว่า การนำฟ้าทะลายโจรมาใช้รักษาคนไข้โควิด-19 ในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง เรามีการทำการวิจัยในหลายแง่มุม รายงานการวิจัยที่ได้รวบรวมสรุปข้อมูลเพื่อที่จะส่งไปตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ เป็นการทำการศึกษาวิจัยในลักษณะการสุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอคติในการเก็บข้อมูล กล่าวคือ การสุ่มโดยไม่ให้ผู้ที่จะเข้าการรักษา หรือผู้ป่วย มีส่วนในการตัดสินใจว่าจะรับยาหรือไม่ จึงถือได้ว่าการศึกษารูปแบบนี้ค่อนข้างที่จะบอกได้ว่ายาฟ้าทะลายโจรจะมีผลและความปลอดภัยได้อย่างชัดเจน
นพ.ขวัญชัย เปรียบเทียบเหมือนกับการแข่งขันยิงปืน ซึ่งต้องควบคุมเป้าที่จะให้นักกีฬายิง ให้มีระยะห่างเท่ากัน แรงลมมีผลต่อความแม่นยำเท่ากัน และมีผู้แข่งขัน 2 คน คนหนึ่งใช้ยาฟ้าทะลายโจร อีกคนไม่ใช้ยา และเราเก็บข้อมูลโดยการยิงเป้าที่เราควบคุม ถ้าผลออกมานักกีฬายิงปืนที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรยิงแม่นกว่า ในขณะที่นักยิงปืนที่ไม่ได้กินฟ้าทะลายโจรยิงแม่นน้อยกว่า เราก็จะวัดและนำว่าวิเคราะห์ในเชิงสถิติ
ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่า กระสุนปืนที่เราให้นักกีฬายิง อาจจะน้อยเกินไป เช่นเขาอาจจะยิงกันแค่ทั้งหมด 10 นัด ก็เลยฉิวเฉียดอาจจะฝ่ายหนึ่งเข้าเป้า 9 นัด อีกฝ่ายเข้า 8 นัด ผลก็ต่างกัน แต่ถ้าวิเคราะห์ทางสถิติ แปลว่าผลยังไม่ชัดเจน วิธีแก้ไขคือ ให้ยิงคนละ 100 นัด เราก็จะเห็นชัดขึ้นว่าคนที่กินยาฟ้าทะลายโจรมีความแม่นยำอย่างชัดเจนและมีนัยสำคัญทางสถิติ
อันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งทางคณะผู้วิจัยเอง พอตรวจสอบพบว่ามีความคลาดเคลื่อนทางตัวเลข จึงถอนกลับมาเพื่อทำการแก้ไข ซึ่งผลทดลองยังคงเหมือนเดิม ในกลุ่มตัวอย่างการทดลองนี้ ผู้ที่กินยาฟ้าทะลายโจรมี 29 ราย เทียบกับผู้ที่ไม่ได้กินยา 28 ราย กลุ่มที่ทานยาฟ้าทะลายโจรไม่มีอาการปอดอักเสบเลย ขณะในกลุ่มที่ไม่ได้ทานฟ้าทะลายโจรมีปอดบวม 3 ราย เพราะฉะนั้น ฟ้าทะลายโจรมีผลยับยั้งไม่ให้เกิดปอดอักเสบ ปอดบวมแน่นอน
การแก้ปัญหาตัวเลขคลาดเคลื่อน :
เมื่อคุณดนัย พิธีกรรายการถามว่า การถอนงานวิจัยออกมาแก้ไขครั้งนี้ จะแก้ไขด้วยวิธีการสุ่มเหมือนเดิมหรือไม่ นพ.ขวัญชัยตอบว่า มีวิธีการแก้ไขอยู่ 2 อย่าง คือ การไปเก็บเคสคนไข้เพิ่มเติมให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะชี้ให้ชัดว่า ยิงปืนกัน 100 นัด ต่างกันหรือไม่ ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะเพื่อเก็บข้อมูล
อีกวิธีหนึ่งคือ ตอนนี้มีงานศึกษาวิจัยที่ตีคู่ขนานไปอีกโครงการหนึ่ง ซึ่งถ้าผลของโครงการวิจัยนั้นเสร็จ เราก็อาจจะเอาข้อมูลของทั้งสองโครงการมาวิเคราะห์ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างเพิ่มมากขึ้นและเห็นข้อแตกต่างได้ง่ายขึ้น ซึ่งงานวิจัยอีกโครงการจะวิจัยด้วยวิธีการเดียวกันทุกประการ คือวิจัยด้วยวิธีการสุ่มซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้วิจัยได้ บอกได้เพียงแค่ว่าเป็นของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
หลักเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง :
นพ.ขวัญชัยเปิดเผยว่า การวิจัยโดยวิธีสุ่ม คือการนำกลุ่มตัวอย่างมา 2 กลุ่ม คนกลุ่มหนึ่งป้อนยาฟ้าทะลายโจร อีกกลุ่มป้อนยาหลอกที่มีรูปร่างเหมือนกันแต่ไม่มีตัวยา ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 เป็นผู้ติดเชื้อโควิดอาการไม่รุนแรงและมีหลักเกณฑ์ในการเลือกอาสาสมัครที่เพศไม่แตกต่างกัน อายุใกล้เคียงกัน ไม่มีโรคประจำตัว ซึ่งกลุ่มตัวอย่างจะไม่รู้ว่าจะได้ยาหรือไม่ได้ และหมอผู้จ่ายยาก็จะไม่รู้เช่นเดียวกันว่าจ่ายยาอะไรให้คนไข้ เรียกวิธีการนี้ว่า double blind
ยันฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ติดโควิดได้ :
นพ.ขวัญชัยยืนยันว่า ฟ้าทะลายโจรยังสามารถใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิดเบื้องต้นได้ เพราะตัวเลขจากการเก็บตัวอย่างผู้ใช้จริง มีข้อมูลกว่าพันราย ยืนยันว่าผู้ที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรมีอัตราการเกิดปอดบวม ปอดอักเสบน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับยา
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 9 สิงหาคม 2564