"ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ผ่าน 1 เดือนนักท่องเที่ยวทะลัก 1.9 หมื่นคน
หอการค้าฯเผย ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ผ่าน 1 เดือนประสบความสําเร็จ นักท่องเที่ยว ทะลักกว่า 19,000 คน ยังอยู่ในไทยกว่า 1.5 หมื่นคน เม็ดเงินหมุนเวียนแล้ว มากกว่า 1 พันล้าน จี้รัฐเร่งรับรองวัคซีนสปุตนิกรับนักท่องเที่ยวรัสเซียและกลุ่ม ประเทศ CIS ช่วยเพิ่มรายได้
กว่า 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา หลายคนคงเฝ้าติดตามผลลัพธ์ของ “ภูเก็ตแซนด์บ็ อกซ์” ว่าจะสําเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนหนึ่งยังมองแบบมีความหวัง เพราะที่ แห่งนี้เปรียบเสมือนลมหายใจ เป็นบ้าน เป็นแหล่งรายได้ เป็นแทบทุกสิ่งในชีวิต ในขณะที่บางคน “ปิดตาย” ความหวังนั้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งประเทศยังไม่มี ทีท่าว่าจะดีขึ้น ทั้งที่พยายามควบคุมกันอย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ข่าวสารที่เรารับรู้กันส่วนใหญ่ มักเป็นไปในทางสร้างความกังวลมากกว่า แต่ สําหรับผู้ที่คลุกคลีอยู่ในพื้นที่จะรู้สึกเช่นเดียวกันหรือไม่
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คนภูเก็ตเตรียมการ เรื่อง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มานานพอสมควรก่อนที่จะเปิดตัว ทั้งเรื่องการฉีดวัคซีน ไปจนถึงมาตรการป้องกันต่าง ๆ และเมื่อมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ยกระดับ มาตรการรองรับได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง แต่ก็เป็นจํานวนน้อย และสามารถควบคุมได้ ที่สําคัญคือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติติดเชื้อเพียง 50 คน จากจํานวน 19,000 คนที่เข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน
“ในส่วนภาพรวมการผู้ติดเชื้อในปัจจุบันของภูเก็ต ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มแรงงาน ต่างด้าว บางคนลักลอบเข้ามาทางเรือ พร้อมนําเชื้อเข้ามาด้วย แต่ก็พยายาม บริหารจัดการให้ได้ดีที่สุด โดยทางจังหวัดได้ปรับเรือนจําเก่าแยกให้เป็นโรง พยาบาลสนามสําหรับแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ ประมาณ 500 เตียง ซึ่งจะช่วย จํากัดการแพร่ระบาดได้อีกทางหนึ่ง” นายธนูศักดิ์ กล่าว
สําหรับความคืบหน้าของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในขณะนี้ ตัวเลขการจองห้องพักยังดี อยู่ ประมาณ 7,000-8,000 Room night ต่อวัน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม ประมาณ 19,000 คน กลับไปแล้ว 4 พันกว่าคน และยังคงอยู่ในประเทศไทยอีก กว่า 1.5 หมื่นคน ทั้งยังอยู่ในภูเก็ตและเดินทางต่อไปยังสถานที่อื่น ๆ อันหมายถึง เม็ดเงินที่ยังหมุนเวียนอยู่ภายในประเทศไทย
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว ภาครัฐและเอกชนกําลังหารือกันในการจัด กิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดประชุมสัมมนา และอาจจะมี Big Event ประมาณปลายปี แต่การจัดกิจกรรมเหล่านี้ได้ จะต้องมีมาตรการคัด กรองที่ดี และทุกคนต้องช่วยกันจึงจะประสบความสําเร็จ
“สิ่งที่ต้องช่วยกันผลักดันในขณะนี้ คือการรับรองวัคซีนสปุตนิกจาก WHO หรือ อย. เพราะเป็นวัคซีนที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ได้รับ และ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจํานวนมาก ซึ่ง จะเป็นแหล่งรายได้ที่สําคัญเพิ่มเติมให้กับประเทศไทย โดยขณะนี้มีเที่ยวบินจากม
อสโคไปยังอียิปต์ถึงวันละ 40 เที่ยวบิน หากไทยได้นักเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มเติม ก็จะ ช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยกับกงสุลรัสเซียว่าต้องการบริจาควัคซีนให้กับ ประเทศไทยเบื้องต้นประมาณ 1 แสนโดส เพื่อเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับภูเก็ต ซึ่ง จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าสู่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มากยิ่งขึ้น”
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะ กรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า หลายประเทศกําลังจับตามอง ผลลัพธ์ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่าจะสําเร็จมากน้อยเพียงใด สําหรับหอการค้าฯ มองภาพรวมของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ผู้ประกอบการพึง พอใจ มีเม็ดเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ส่งผลดีต่อการดําเนินธุรกิจ และ มีการแจ้งแรงงานเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังมีอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผู้ใช้ แรงงาน รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น ในเรื่องวัฒนธรรมการกินอาหารของ บ้านเราที่มักกินรวมกัน ดังนั้น การไม่มีผู้ติดเชื้อเลยอาจเป็นเรื่องยาก เพราะการ ระมัดระวังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และป้องกันตัว เองให้ดีที่สุด นอกจากนั้น ระบบสาธารณสุขจะต้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาด ให้อยู่ในวงจํากัดได้ ส่วนจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามานั้นถือว่าน่าพอใจ ไม่ต้องตั้งเป้าให้สูงมากจนเกินไป ค่อย ๆ ขยับตัวเลขขึ้น ดีกว่าการปล่อยเข้ามา จํานวนมากแล้วควบคุมไม่ได้
สําหรับการขยายผลในโครงการสมุยพลัส (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ซึ่งรับ นักท่องเที่ยวต่อจากภูเก็ต ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยเกาะสมุยมีผู้ได้รับวัคซีน เข็มแรกแล้วประมาณ 97% พะงัน 123% เกาะเต่า 128% หมายความว่ามีผู้ได้รับ วัคซีนที่อยู่นอกเหนือจากทะเบียนบ้านได้รับวัคซีนด้วย สิ่งนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้ กับการดําเนินธุรกิจ นอกจากนั้น ภาครัฐและเอกชนกําลังร่วมกันดําเนินการและ ทบทวนมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเตรียมขยายผลไปยังพังงาและกระบี่ เพื่อเพิ่มเม็ดเงิน จากการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวทั้ง ประเทศอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากการกระจายวัคซีนในขณะนี้ยังไม่เร็ว พอ คาดว่าอาจจะประมาณปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 การท่องเที่ยวของ ประเทศจึงจะกลับมาได้เป็นปกติ
ที่มา ฐานเศรษฐกิต
วันที่ 13 สิงหาคม 2564