"ททท." ชี้ทั้งปี64 เห็นต่างชาติเที่ยวไทย 1 ล้านคนแน่ หลังมี "เที่ยวข้ามเกาะ" แถมเห็นแววดึงรัสเซียเที่ยวเพิ่ม
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังยืนยันว่า คาดการณ์เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2564 จำนวน 1 ล้านคน น่าจะสามารถทำได้ แต่จำนวน 1.2 ล้านคน ที่เป็นเป้าหมายการทำงานนั้น คาดว่าไม่น่าจะไปถึงเป้าแล้ว เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้มีมติเห็นชอบรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวข้ามเกาะ ในสูตร 7+7 เชื่อมโยงการเที่ยวระหว่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สมุยพลัสโมเดล เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล จังหวัดกระบี่ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และเขาหลัก จังหวัดพังงา โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมนี้
ทำให้แม้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะคาดว่าทั้งปี 2564 ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ประมาณ 1.5 แสนคน จากประมาณการเดิม 5 แสนคน แต่ในส่วนของททท. ที่เป็นหน่วยงานด้านการตลาด ซึ่งเห็นปัจจัยสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น คือ คณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้เห็นชอบให้เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนสปุ๊กนิก วี เข้ามาเที่ยวไทยได้แล้ว จึงเชื่อว่าจะมีลูกค้าในตลาดใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะประเทศรัสเซีย และยังมีกลุ่มประเทศเป้าหมายอีกกว่า 69 ประเทศ ที่ฉีดวัคซีนชนิดดังกล่าว ซึ่งเป็นเป้าหมายในการทำตลาดของททท. ต่อไป โดยคาดว่าหากในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีชาวรัสเซียเข้ามาเที่ยวไทยเพียง 50% ของปี 2562 ที่เข้ามากว่า 1.4 ล้านคน จะมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามา 5-7 แสนคน และหากบวกกับตลาดชาติอื่นๆ อีก คาดว่าปีนี้น่าจะได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยที่ 1 ล้านคน
“หลังจากประชุมหารือกับสำนักงานททท.ในต่างประเทศทั้ง 29 แห่ง ทุกคนยังมองบวก และคิดว่ามีความเป็นไปได้ เหมือนที่เคยพูดมาตลอดว่า ต้องไม่ยอมแพ้ มองบวกและเน้นมองในเรื่องที่เป็นนโยบายลงมา เอาเป็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ที่ 1 ล้านคน น่าจะได้เห็น แต่ 1.2 ล้านคน อาจยังไม่น่าจะได้ โดยคาดว่าตลาดรัสเซียน่าจะเข้ามาในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นอย่างเร็ว ซึ่งปกติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปี ชาวรัสเซียจะออกเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว เพราะอากาศบ้านเขาหนาวมาก เป็นการเที่ยวหนีหนาว จึงคาดว่าหากสามารถเดินทางได้ ก็จะมีชาวรัสเซียเข้ามาเที่ยวอย่างแน่นอน แต่อาจพัฒนาจากเดิมแบบไม่ได้ลงเฉพาะภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เท่านั้น เนื่องจากสนามบินสุราษฎร์ธานีก็พร้อมที่จะรับเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ ซึ่งตรงนี้อาจต้องทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวกำหนดเฉพาะ (ซีลรูท) เพื่อให้ต่างชาติที่ต้องมาเที่ยวในโครงการสมุย พลัส โมเดล สามารถเดินทางจากสนามบินสุราษฎร์ฯ ต่อไปยังเกาะสมุยได้ทันที” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใน 120 วันของนายกรัฐมนตรี เป็นการเริ่มทยอยเปิดในพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน โดยในเดือนกรกฎาคม เริ่มเปิดที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาในเดือนสิงหาคม จะเริ่มเปิดจังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา ซึ่งถือว่าทำได้ตามที่ประกาศไว้ แต่ในอีก 6 จังหวัดนำร่องที่เหลือ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชียงใหม่ ประจวบคิรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี และบุรีรัมย์ อาจต้องพิจารณาในแต่ละจังหวัดว่ามีความพร้อมมากน้อยเท่าใด ซึ่งขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 70% ของประชากรรวมในพื้นที่เป็นสำคัญ
โดยททท.ยังเดินหน้าต่อตามนโยบายที่มีอยู่เหมือนเดิ คือ หากมีพื้นที่ใดพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะทยอยเปิดก่อน แต่เบื้องต้นภายในเดือนกันยายนนี้ น่าจะยังไม่เห็นเพิ่มเติม โดยหากสถานการณ์ในประเทศสามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว ททท.จะขอให้ดำเนินการตามมติของศบค. ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ แบบลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน จากเดิม 14 วัน ซึ่งส่วนนี้จะทยอยดำเนินการต่อไป แต่ขอพิจารณาผลจากที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นก่อน
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ จะทยอยเปิดพื้นที่เกาะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติม ซึ่งในที่ประชุมศบศ. ได้ให้พิจารณาเกาะในภาคตะวันออกร่วมด้วย อาทิ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะล้าน โดยททท.จะศึกษาและถอดรหัสกรณีของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และรูปแบบการเที่ยวข้ามเกาะ ส่วนพื้นที่บก จะพิจารณาในพื้นที่เขาหลัก เนื่องจากมี 4 ตำบล แต่มีจุดตรวจคัดกรอง 6 จุด
ซึ่งสามารถช่วยสร้างความมั่นใจในการตรวจคัดกรองคนเดินทางเข้าออกและสร้างความมั่นใจให้กับคนในพื้นที่ได้ รวมถึงหากสอดคล้องกับแผนกระจายวัคซีนฉีดที่สามารถฉีดให้กับคนในพื้นที่ 70% ได้ ให้สร้างความมั่นใจให้คนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นได้ ก็จะสามารถเปิดได้ โดยการเปิดรับต่างชาติจะต้องมอง 2 มิติคือ 1.การตอบสนองความต้องการหลังจากถูกจำกัดการเดินทางผ่านมาตรการต่างๆ และ 2.การต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการสามารถกลับมาเริ่มดำเนินธุรกิจใหม่ได้ หลังจากที่ผ่านมาเห็นตัวเลขอัตราการเข้าพักอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 18 สิงหาคม 2564