นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานเสวนา "ทางเลือก-ทางรอดของไทยในสงครามการค้า" ที่กระทรวงการต่างประเทศว่า จากการสอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการไทย เกี่ยวกับสงครามการค้า พบทั้งบวกและลบ

 

"ทางบวก" คือธุรกิจสิ่งทอและธุรกิจอาหาร แต่ก่อนผู้ประกอบการจีนเป็นคู่แข่งสำคัญ แต่สงครามการค้าทำให้ผู้ต้องการสินค้าย้ายมาสั่งกับผู้ประกอบการไทยมากขึ้น เพื่อหนีการตั้งกำแพงภาษีที่สูง เช่นเดียวกับนักลงทุนจีนที่ย้ายมาลงทุนในประเทศไทย เช่น การผลิตยางรถยนต์ หากใช้แรงงานไทย ใช้ยางพาราของไทย เมื่อส่งออกไปถือเป็นสินค้าไทยจึงไม่น่าจะถูกกีดกัน

 

“ทางลบ” คือธุรกิจจีนค่อนข้างไวในเรื่องการสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้า (CO) เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบให้ดี มีการออก CO ปลอมแล้วก็บอกว่ามาจากเมืองไทย ซึ่งต้องตรวจสอบว่ามีโรงงานผลิตจริงหรือไม่ นอกจากนี้ จีนยังเข้ามาสร้างอำนาจเหนือตลาด เช่น การเข้ามาตั้งล้งผลไม้ (ระยอง-จันทบุรี) ตั้งราคาสูงๆ ทำให้ล้งคนไทยสู้ราคาไม่ได้ เป็นเรื่องสำคัญอนาคตถ้าจีนเกิดทำการค้าในอเมริกาไม่ได้แล้วจะมา ทุ่มตลาด (Dump) ในอาเซียนหรือไทย

 

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องเร่งแก้ไขกฎหมายที่ล้าหลัง ในขณะที่ประเทศไทยต้องการเป็นศูนย์กลางอาเซียน รวมทั้งต้องการพัฒนาเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว แต่กลับยังมีกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยให้ชาวต่างชาติในด้านต่าง ๆ อาทิ ชาวต่างชาติต้องเดินทางมารายงานตัวทุก ๆ 90 วัน ซึ่งให้รายงานตัวผ่านอินเตอร์เนตได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ เป็นต้น

 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562

 

ที่มา : หอการค้าไทย