ส่องความคืบหน้า "การเปิดประเทศ-คลายล็อกดาวน์" ในอาเซียน
นอกจากประเทศไทยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ระบุชัดเจนถึง “ไทม์ไลน์” ในการคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศเริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้ ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนต่างก็มีความเคลื่อนไหวในการ “เปิดประเทศ” เช่นกัน
หลายประเทศหันมาใช้ นโยบาย “อยู่กับโควิด” (Living with Covid) ให้ได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมที่เข้มงวด และเปิดเศรษฐกิจ-เปิดประเทศ รับนักเดินทางต่างชาติภายใต้เงื่อนไขและการควบคุมที่ผ่อนคลายมากขึ้น “ฐานเศรษฐกิจ” ประมวลความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใน 4 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในอาเซียน ซึ่งได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม มานำเสนอ ดังนี้ (อ่านเพิ่มเติมในส่วนของประเทศไทย อัพเดตไทม์ไลน์"เปิดประเทศ" มาตรการคลายล็อกดาวน์ พ.ย.- ธ.ค. 64 สรุปชัดที่นี่ )
อินโดนีเซีย :
อินโดนีเซีย มีแผนเปิดสนามบินนานาชาติในเกาะบาหลีเพื่อรับเที่ยวบินจากบางประเทศอีกครั้งในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ หลังจากที่ถูกปิดบริการไปเป็นเวลามากกว่า 1 ปี ซึ่งครั้งนี้เที่ยวบินระหว่างประเทศที่เปิดบินมายังบาหลีได้นั้น ได้แก่เที่ยวบินจากประเทศเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แต่นอกจากนี้ ก็ยังอาจจะมีอีกหลายประเทศ เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียกำลังอยู่ในขั้นตอนสรุปรายชื่อประเทศที่สามารถบินตรงมายังเกาะบาหลีได้ โดยนักเดินทางจากต่างประเทศจะต้องแสดงหลักฐานการจองที่พักในบาหลี ที่ซึ่งนักเดินทางจากต่างประเทศต้องกักตัวเองเป็นเวลา 8 วัน และรับการตรวจหาเชื้อโควิดโดยพวกเขาต้องออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เอง
นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.เป็นต้นไป อินโดนีเซียจะผ่อนคลายกฎเกณฑ์ควบคุมการให้บริการของศูนย์การค้า สถานบันเทิง และสนามแข่งขันกีฬา ทั่วประเทศ
สิงคโปร์ :
เริ่มตั้งแต่ 19 ตุลาคมนี้ นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแล้วจาก 11 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ เมื่อมาถึงสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องกักตัวอีก เพราะนักเดินทางเหล่านี้จะเข้ามาทาง ช่องทางด่วน หรือกลไกที่เรียกว่า Vaccinated Travel Lane หรือ VTL คือ มาถึงแล้วไม่ต้องกักตัว แต่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ PCR จำนวน 2 ครั้ง คือ 1 ครั้งก่อนออกเดินทาง และอีก 1 ครั้งเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ และทั้ง 2 ครั้งผลต้องเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ)
นอกจาก 11 ประเทศดังกล่าวแล้ว ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ จะมีเกาหลีใต้เพิ่มเข้าสู่รายการประเทศที่เข้าสิงคโปร์ได้ทางกลไก VTL อีก 1 ประเทศ
ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ค่อย ๆ เปิดประเทศเป็นขั้นตอน โดยวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ได้ยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างสิงคโปร์และฮ่องกงกับมาเก๊า ต่อมาในเดือนกันยายน ยังประเดิมเปิดช่องทางด่วน VTL ให้กับผู้เดินทางจากเยอรมนีและบรูไน เป็น 2 ประเทศแรก โดยในขณะนั้น แม้จะไม่ต้องมีการกักตัว ณ ที่พัก แต่ยังต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิดหลายครั้ง คือ 1 ครั้งก่อนเดินทาง กับอีก 1 ครั้งเมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ หลังจากนั้นยังมีอีก 2 ครั้ง คือวันที่อยู่ในสิงคโปร์ครบ 3 วัน และ 7 วัน
ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (10 ต.ค.) จึงประกาศเพิ่มอีก 8 ประเทศ รวมเป็น 11 ประเทศในปัจจุบัน (อ่านเพิ่มเติม: สิงคโปร์ชูกลไก VTL เปิดช่องทางด่วน รับนักเดินทางต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว)
นอกจากนี้ เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น สิงคโปร์ซึ่งมีประชากรทั้งประเทศ 5.45 ล้านคน จึงเริ่มผ่อนคลายข้อบังคับเกี่ยวกับการชุมนุมหรือการรวมตัวทำกิจกรรมของผู้คน โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์อนุญาตให้มีการจัดงานกิจกรรมทางธุรกิจที่มีผู้คนเข้าร่วมได้อย่างมากที่สุดถึง 1,000 คน หรืองานเลี้ยงสามารถมีแขกเข้างานได้มากที่สุด 500 คน โดยมีเงื่อนไขว่า ทุกคนที่เข้าร่วมงานหรือร่วมกิจกรรม ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว ส่วนกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมงานน้อยกว่า 50 คนแม้ว่าทางการจะอนุญาตให้จัดได้ แต่ผู้เข้าร่วมงานทุกคนต้องได้รับการตรวจร่างกายหาเชื้อโควิดก่อนที่จะเข้าร่วมงาน (pre-event testing) ขณะที่บางสถานที่ เช่น เรือสำราญ สวนสนุก และพิพิธภัณฑ์ ได้รับอนุญาตให้เปิดรับผู้เข้าชมได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 25% ของความสามารถในการรองรับ เป็น 50% หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนสูงสุดที่สามารถรับได้
ภายใต้มาตรการผ่อนคลายการควบคุมและการเปิดประเทศสิงคโปร์ บริษัทผู้จัดงานอีเวนท์หรืองานกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมหรือเข้าชมงานจำนวนมาก จำเป็นต้องยื่นแผนจัดงานให้คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) พิจารณาอนุมัติก่อน และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการบริหารความเสี่ยงที่ทางการให้ไว้เป็นแนวทางอย่างเคร่งครัด ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาออกใบรับรองให้แก่ผู้ประกอบการ
มาเลเซีย :
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ อิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) ว่าจะยกเลิกการจำกัดการเดินทางทั้งภายในประเทศและการเดินทางออกต่างประเทศ ให้แก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว เริ่มมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ เนื่องจากทางการมาเลเซียสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสให้ประชาชนในวัยผู้ใหญ่ได้ 90% ตามเป้าหมายแล้ว ขณะที่ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ ในสหรัฐอเมริกา ชี้ว่า หลังจากที่มาเลเซียเริ่มโครงการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนเมื่อประมาณ 8 เดือนที่ผ่านมา ขณะนี้ มากกว่า 66% ประชากร 32 ล้านคน ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
“เราจำเป็นฝึกตัวเราเองใหม่ ให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ เพราะว่าเราไม่สามารถกำจัดโควิดให้หมดไปจากประเทศของเราอย่างสิ้นเชิง” นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังกล่าวด้วยว่า ถ้าหากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันพุ่งสูงขึ้นอีก มาเลเซียก็จะไม่ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบครอบกว้างทั่วประเทศอีกแล้ว
การปลดล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดนี้ (มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 ต.ค.) เปิดโอกาสให้ชาวมาเลเซียที่ได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องยื่นคำร้องขอเป็นพิเศษจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งในช่วงที่มีการควบคุมเข้มงวดนั้น ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้เดินทางไปยังต่างประเทศได้เฉพาะเพื่องานธุรกิจ หรือเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล หรือเฉพาะกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันจันทร์ ชาวมาเลเซียที่ได้รับวัคซีนครบโดสยังสามารถเดินทางได้ทั่วทั้ง 13 รัฐ เนื่องจากมาตรการห้ามเดินทางภายในประเทศได้ถูกยกเลิกแล้ว
ก่อนหน้านี้ มาเลเซียได้ทยอยเปิดการเดินทางเป็นบางพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น 16 กันยายนที่ผ่านมา ได้เปิดเกาะลังกาวี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ยังมีกฎเกณฑ์ควบคุมโรคที่ให้นักท่องเที่ยวไว้เป็นแนวทางปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม มาเลเซียยังไม่ได้เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลกำลังพิจารณาขั้นตอนและรายละเอียดในการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
เวียดนาม :
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามเปิดเผยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 3,619 รายในวันนี้ (12 ต.ค.) ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 843,281 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 20,670 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อในประเทศส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดทางตอนใต้ ได้แก่ 1,527 รายอยู่ในนครโฮจิมินห์, 499 รายอยู่ในจังหวัดดองไน และอีก 446 รายอยู่ในจังหวัดบินห์เซือง
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธที่ผ่านมา (6 ต.ค.) รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศแผน “เปิดแหล่งท่องเที่ยว” สำคัญหลายแห่งรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาจากประเทศที่เวียดนามพิจารณาแล้วว่า “เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ” และนักเดินทางเหล่านั้นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แผนการดังกล่าวของเวียดนามจะมีผลในทางปฏิบัติในเดือนธันวาคม 2564 นับเป็นแผนการนำร่องก่อนที่จะมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนปีหน้า (2565)
ที่มา ฐานเศษรฐกิจ
วันที่ 12 ตุลาคมา 2564