หนังสือพิมพ์ เยรูซาเลมโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฝรั่งเศสพบเชื้อก่อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวใหม่ “บี.1.เอ็กซ์” หรือ “บี.1.640” ในประเทศฝรั่งเศส และพบแพร่ระบาดอยู่ในบางประเทศในทวีปยุโรป โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เชื้อกลายพันธุ์ใหม่นี้เกิดการกลายพันธุ์ในบริเวณ สไปค์ โปรตีน หรือโปรตีนหนาม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ไวรัสใช้ในการจับเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ในแบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

 

การค้นพบเชื้อกลายพันธุ์ บี.1.640 ดังกล่าวนี้หนังสือพิมพ์ เลอ เทเลแกรมม์ ของฝรั่งเศสรายงานไว้ครั้งแรก เมื่อมีการพบคลัสเตอร์การระบาดครั้งใหญ่ถึง 24 รายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในแคว้น บริตตานี เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้โรงเรียนดังกล่าวต้องปิดการเรียนการสอนไปกว่าครึ่ง และถึงแม้สถานการณ์ในเวลานี้จะอยู่ในความควบคุมมาตั้งแต่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว แต่สำนักงานสาธารณสุขประจำภูมิภาคของฝรั่งเศส ก็ยังยืนยันว่า ยังคงมีการเฝ้าระวังเชื้อตัวนี้อยู่ตลอด

 

รายงานข่าวระบุว่า นอกจากจะพบในฝรั่งเศสแล้ว ยังพบเชื้อกลายพันธุ์นี้ระบาดอยู่ใน สหราชอาณาจักร, สวิตเซอร์แลนด์, สกอตแลนด์ และอิตาลี อีกด้วย

 

ศาสตราจารย์ ไซรีล โคเฮน นักวิชาการด้านระบาดวิทยาของมหาวิทยาลัย บาร์ อิลลาน ระบุว่า บริเวณ สไปค์ โปรตีน ของ บี.1.640 มีโปรตีนบางตัวหายไป ซึ่งไม่เคยพบเกิดขึ้นมาก่อนไม่ว่าจะในการกลายพันธุ์ไหนๆ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เชื้อกลายพันธุ์ตัวนี้ติดต่อได้ง่ายมากขึ้นหรือไม่

 

ศาสตราจารย์โคเฮน ยังระบุด้วยว่าเชื้อกลายพันธุ์ตัวนี้น่าจะเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากประเทศใดประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลในอีกรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากเป็นการยืนยันให้เห็นว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่มีทางปลอดภัยจากเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนทั่วถึงมากแค่ไหน ตราบเท่าที่ในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่นในแอฟริกายังไม่ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยในเวลานี้ ประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกา ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดกันไม่เกิน 6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเท่านั้น

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564