รู้จัก Rivian รถอีวีน้องใหม่มาแรง ทาบรัศมี Tesla
“Rivian Automotive” บริษัทสตาร์ตอัพรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐน้องใหม่มาแรง หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแดคส์เมื่อ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา
กลายเป็นบริษัทรถยนต์มูลค่าอันดับที่ 5 ของโลกทันที ด้วยมูลค่าราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สูงกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (3.3 ล้านล้านบาท) หลังจากราคาหุ้น Rivian เพิ่มขึ้นเกือบ 30% หลังจากเข้าเสนอขายวันแรก
สำหรับค่ายรถที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 5 อันดับแรก คือ
* Tesla มูลค่าตลาด 1.07 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
* Toyota มูลค่าตลาด 2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
* Volkswagen มูลค่าตลาด 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
* Daimler มูลค่าตลาด 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
* Rivian มูลค่าตลาด 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ราคาหุ้นของ Rivian ยังคงพุ่งต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Rivian พุ่งไปถึง 172 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัททะลุ 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว และกลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าตลาดอันดับ 3 ของสหรัฐ
ทั้งนี้ Rivian เป็นสตาร์ตอัพยานยนต์ไฟฟ้าที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ได้กลายเป็นบริษัทรถยนต์อันดับที่ 2 ของสหรัฐ โดยมีมาร์เก็ตแคปมากกว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง “จีเอ็ม” หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส และฟอร์ด ที่มีอายุกว่า 100 ปี
รายงานข่าวระบุว่า ในวันที่ Tesla มีมูลค่าตลาด 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คือ เมื่อปี 2020 หลังจากที่ Tesla ผลิตและส่งมอบรถยนต์ได้ 500,000 คันต่อปีแล้ว
ทำให้ตอนนี้ “Rivian” ถูกจับตาและเปรียบเทียบกับเส้นทางการเติบโตกับ “Tesla” :
ขณะที่บริษัทสตาร์ตอัพอีวีได้กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์การลงทุนที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา โดยในการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ Rivian ได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายใหญ่อย่างมาก รวมถึง “อเมซอน” ที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยสัดส่วน 20% รวมถึง “ฟอร์ด มอเตอร์” ก็เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ 12%
นอกจากนี้ยังมี T. Rowe Price, Franklin Templeton, Capital Research และ Blackstone เป็นหนึ่งในกลุ่ม “นักลงทุนที่สำคัญ”
ปัจจุบัน Rivian เริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น คือ R1T รถกระบะไฟฟ้าล้วนสมรรถนะสูง กับ R1S รถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่มีการออกแบบให้หรูหรา โดย Rivian มีโรงงานประกอบอยู่ที่เมืองนอร์มอล รัฐอิลลินอยส์
ทั้งนี้ เดิมบริษัทมีแผนจะส่งมอบ R1T รถกระบะอีวีคันแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ด้วยข้อจำกัดของซัพพลายเชนและปัญหาขาดแคลนชิปส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ทำให้แผนการส่งมอบรถกระบะอีวีคันแรกของ Rivian เลื่อนส่งมอบมาเป็นช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตั้งเป้าจะส่งมอบให้ได้อย่างน้อย 1,000 คันในสิ้นปีนี้
Rivian ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทมียอดสั่งจองซื้อรถอีวีโมเดล R1T และ R1S รวม 55,400 คัน จากลูกค้าในอเมริกาเหนือ โดยวางแผนที่จะส่งมอบรถอีวีเหล่านี้ทั้งหมดภายในสิ้นปี 2023
นอกจากนี้ ปัจจุบัน Rivian กำลังพัฒนารถตู้ขนส่งสินค้าเชิงพาณิชย์ระยะสุดท้ายสำหรับ “อเมซอน” ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อใช้สำหรับการจัดส่งสินค้า โดยตั้งเป้าจะให้มีรถตู้อีวีวิ่งบนท้องถนนภายในปี 2022 จำนวน 10,000 คัน
โดย Rivian มีข้อตกลงที่จะจัดหารถตู้ไฟฟ้าให้กับอเมซอน 100,000 คันภายในปี 2030
“RJ Scaringe” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Rivian วัย 38 ปี กล่าวว่า การเป็นบริษัทมหาชน ทำให้ฐานทุนของเราเติบโต และทำให้ Rivian สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์แข่งขันในตลาดยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเติบโต
พร้อมตั้งเป้าว่า ปีหน้าจะสามารถผลิตรถเพื่อส่งมอบได้ในระดับหลักหมื่นคัน และตั้งเป้าจะผลิตรถอีวีแตะ 100,000 คันภายในปี 2024 ก่อนที่จะพยายามขยายกำลังการผลิตให้ถึง 1 ล้านคันภายในปี 2030
รวมถึงแผนจะสร้างโรงงานแห่งที่สองในสหรัฐ รวมทั้งแผนขยายลงทุนโรงงานในจีนและยุโรปต่อไป เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดไปทั่วโลก
นักวิเคราะห์ของ Davidson & Co กล่าวว่า Rivian อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า ซึ่งผู้บริหารบริษัทได้บอกกับนักลงทุนว่า Rivian และรถอีวีของบริษัทเป็น “ของจริง” ไม่ใช่แค่รูปภาพในพรีเซนเตชั่นที่เป็นปัญหาของบริษัทอีวีอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
สมรภูมิรถอีวีกำลังเนื้อหอมในยุคโลกต้องการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดลดการปล่อยมลพิษ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัพอีวีหน้าใหม่แจ้งเกิดขึ้นมาท้าทายค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564