“จีน”เรียกร้องประเทศใน"เอเชีย-ยุโรป"เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสู้โควิด-19
“จีน”เรียกร้องประเทศในเอเชีย-ยุโรปเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 และส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยยึดมั่นในแนวทางที่ถูกต้อง หากมีปัญหาทุกประเทศควรยึดมั่นในกลไกพหุภาคี ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศ
วันนี้ (29 พ.ย.64) พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีน ได้เข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของการประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ครั้งที่ 13 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 พ.ย.64 ผ่านระบบทางไกลจากมหาศาลาประชาชน (ในกรุงปักกิ่ง) และกล่าวสุนทรพจน์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำของประเทศต่างๆ ในประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค โดยมีสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า การประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรปเป็นเวทีการประชุมระหว่างรัฐบาลใหญ่ที่สุดระหว่างเอเชีย-ยุโรป โดยมีสมาชิก 53 ราย (51 ประเทศและ 2 องค์กร) ซึ่งมีประชากรคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของประชากรโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวมคิดเป็นครึ่งหนึ่งของโลก และการค้าคิดเป็นเกือบ 70% ของโลก จึงมีบทบาทสำคัญต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ขณะนี้ ประเทศในเอเชียและยุโรปกำลังเผชิญกับความท้าทายในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 และประเด็นการส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทุกประเทศจำต้องยึดมั่นในแนวทางที่ถูกต้อง คือ มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือ
ในขณะที่มีความมั่นใจและความกล้าหาญที่จะเอาชนะความยากลำบาก ทุกประเทศต้องรักษาการค้าเสรี รักษาห่วงโซ่อุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทานของโลกให้มีเสถียรภาพและปราศจากอุปสรรค ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตามที่กำหนดในปีหน้า และจะเป็นแรงผลักดันใหม่สำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
นายหลี่ เค่อเฉียง ชี้ว่า ประเทศในเอเชียและยุโรปมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ การมีความเห็นต่างกันในบางประเด็นจึงเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทุกฝ่ายต้องเคารพซึ่งกันและกัน ปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม
และแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่างต้องมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ในการรักษาระบบระหว่างประเทศที่มีองค์การสหประชาชาติเป็นแกนหลัก รวมทั้งระเบียบระหว่างประเทศบนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ
เมื่อต้องรับมือกับปัญหาเร่งด่วนระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค ทุกประเทศควรยึดมั่นในกลไกพหุภาคี แนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น
บทสรุป นายหลี่ เค่อเฉียง เน้นย้ำว่า ด้วยความพยายามร่วมกันของประเทศในเอเชียและยุโรป ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถส่งเสริมการป้องกันและควบคุมโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น หากแต่ยังสามารถบรรลุการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ รวมทั้งการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย ยุโรป และทั่วโลก
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564