รถไฟสินค้าจีน-ลาวซึ่งเป็นสายประวัติศาสตร์และเป็นขบวนแรก เดินทางจากเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ถึงนครหลวงเวียงจันทน์ของสปป.ลาวแล้วเมื่อคืนวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

รถไฟบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศจีน-ลาว ขบวนแรกเดินทางจาก นครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มาถึง สถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ของลาวเมื่อเวลา 23.10 น. ของวันเสาร์ (4 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยสินค้าบนรถไฟขบวนนี้ที่บรรทุกจากจีนมายังสปป.ลาว คือ ไดแคลเซียมฟอสเฟตที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์

 

โจวอวี้ขุย พนักงานขับรถไฟบรรทุกสินค้าวัย 31 ปี และมีประสบการณ์ในตำแหน่งนี้มา 6 ปีเปิดเผยถึงความรู้สึกว่า ทั้งดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) และได้เป็นทูตมิตรภาพระหว่างจีนกับลาว

 

เส้นทางรถไฟจีน-ลาว เป็นส่วนหนึ่งของ แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่แสวงความร่วมมือกับนานาประเทศผ่านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและทางทะเล

 

"ทางรถไฟจีน-ลาววิ่งให้บริการคล้ายกับทางรถไฟภายในประเทศ แต่ตัวรางมีสภาพดีกว่าในจีนเสียอีก และเพื่อรักษาความปลอดภัยของรถไฟขบวนแรก เราไม่กล้าพักสายตาเลยตั้งแต่รถไฟวิ่งออกจากพรมแดนไปเมื่อเวลา 15.39 น." หลี่ถงสวี่ ผู้อำนวยการสถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้ ที่มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับทางรถไฟกว่า 20 ปี และปฏิบัติงานเป็นผู้อำนวยการสถานีในจีนเป็นเวลากว่า 10 ปี ก่อนเดินทางมายังลาวเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ทางสถานีเองได้เตรียมการพร้อมต้อนรับรถไฟขบวนแรกจากจีน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้ มีพนักงาน 68 คน เป็นบุคลากรฝ่ายเทคนิคและฝ่ายบริหารชาวจีนมากประสบการณ์จำนวน 9 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ชาวลาวล้วนมีวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษา และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และเคยผ่านการฝึกอบรมกับบริษัททางรถไฟจีน-ลาว จำกัด โดยพวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หลี่ถงสวี่ เปิดเผยว่า รถไฟขบวนแรกที่ส่งจากสปป.ลาว กลับไปยังจีนเมื่อวันเสาร์ บรรทุกแร่โพแทชที่ผลิตในลาว ขณะที่รถไฟขบวนแรกที่วิ่งจากจีนมาลาว เป็นรถไฟตู้สินค้าขนาด 6 เมตรจำนวน 50 ตู้ ที่บรรทุกไดแคลเซียมฟอสเฟต สิ่งเหล่านี้สะท้อนความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนกันระหว่างตลาดของทั้งสองประเทศ

 

ทางรถไฟสายใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้บริการนี้ ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศได้มาก ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าสำหรับขนส่งข้ามพรมแดนก็มีปริมาณมากพอ โดยปัจจุบัน สินค้าที่ต้องขนส่งจากสถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้มายังจีนอยู่ที่กว่า 100,000 ตัน ขณะที่สินค้าที่ต้องขนส่งจากจีนไปยังลาวมีปริมาณมากเช่นกัน โดยเฉพาะ ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์

 

อนึ่ง ทางรถไฟจีน-ลาว เปิดทำการเที่ยวปฐมฤกษ์ช่วงโบเต็น-นครเวียงจันทน์ เมื่อวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. ซึ่งตรงกับวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวครบรอบ 46 ปี และวันก่อตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตลาว-จีน ครบรอบ 60 ปี ขบวนรถไฟขนส่งสินค้า กำหนดความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรถไฟสำหรับผู้โดยสารกำหนดความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ระบบได้ออกแบบเผื่อไว้สำหรับการเดินทางพื้นที่ราบตั้งแต่เมืองวังเวียงถึงนครหลวงเวียงจันทน์ ให้สามารถวิ่งได้เร็วถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

สำหรับสถานีบนเส้นทางประกอบด้วย 32 สถานี ซึ่งแยกเป็นสถานีรถไฟขนส่งสินค้าทั้งหมด 22 สถานี และสถานีโดยสาร 10 สถานี มีสถานีหลัก 5 แห่ง ได้แก่ 1) สถานีบ้านนาเตย 2) สถานีบ้านถิ่น-นาแล เมืองไซ แขวงอุดมไซ 3) สถานีแขวงหลวงพระบาง 4) สถานีวังเวียง 5) สถานีนครหลวงเวียงจันทน์ รถไฟจะวิ่งผ่านอุโมงค์ 75 อุโมงค์ ความยาวโดยรวมประมาณ198 กิโลเมตร และสะพานรถไฟ 163 สะพาน รวมระยะทางประมาณ 61 กิโลเมตร

 

ระยะเวลาการเดินทางด้วยระบบรางที่ทันสมัยนี้จะลดลงมากเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถทั่วไปหรือรถขนส่งสินค้า โดยการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงบรรทุกผู้โดยสารจากลาวไปจีนจะใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง แต่หากเป็นขบวนรถไฟขนส่งสินค้าจะใช้เวลา 10-12 ชั่วโมง เพิ่มความสะดวกสบายและลดระยะเวลาการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างกันได้อย่างมาก ถือเป็นการพลิกโฉมภาคการขนส่ง ทั้งคนและสินค้าได้ภายใน 1 วัน

 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ 6 ธันวาคม 2564