เวียดนามฟื้น “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์” รองรับเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง
เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของ “เวียดนาม” เป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ โดยเฉพาะการแสวงหาแหล่งพลังงานที่เพียงพอต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้า “นิวเคลียร์” กลับมาสู่โต๊ะการพิจารณาของรัฐบาลเวียดนามอีกครั้งหลังจากชะลอมากว่า 10 ปี
นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า รัฐบาลเวียดนามเตรียมเดินหน้าโครงการก่อสร้างห้องปฏิบัติการสำหรับติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย ขนาด 10 เมกะวัตต์ หลังจากการเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเวียดนาม “เหงียน ซวน ฟุก” เมื่อ 29 พ.ย.-2 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ของเวียดนาม เพื่อหารือทวิภาคีกับผู้แทนของรัสเซีย
โครงการก่อสร้างศูนย์วิจัยด้านนิวเคลียร์นี้คาดว่าจะใช้งบประมาณ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย “รอสอะตอม กรุ๊ป” รัฐวิสาหกิจด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียจะเป็นผู้ออกแบบเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยและเป็นผู้ร่วมลงทุนหลัก โดยตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในปี 2024
ในการประชุมว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ครั้งที่ 14 ของเวียดนาม เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา “เหงียน ญี เดียน” ผู้บริหารสถาบันวิจัยนิวเคลียร์ดาลัต ระบุว่า ขณะนี้โครงการความร่วมมือกับรัสเซียผ่านการศึกษาความเป็นไปได้ในเบื้องต้นแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการสำรวจทางเทคนิคและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อประเมินสถานที่สำหรับการก่อสร้าง
แม้ว่าโครงการก่อสร้างห้องปฏิบัติการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยครั้งนี้จะมีเป้าหมายสำหรับใช้งานทางการแพทย์เป็นหลัก แต่นับเป็นการหันกลับมาพิจารณาโครงการนิวเคลียร์อีกครั้งของรัฐบาลเวียดนาม ท่ามกลางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัว
ทั้งนี้ เวียดนามและรัสเซียได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ตั้งแต่ปี 2011 เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของเวียดนามภายในระยะเวลา 10 ปี แต่ต้องชะลอโครงการ หลังเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะของญี่ปุ่นในปีเดียวกัน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกทั่วโลก
“เกนนาดี สเตฟาโนวิช เบซเดตโก” เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเวียดนาม กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับสถาบันพลังงานปรมาณูเวียดนามในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า “โครงการเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเวียดนาม”
โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความสำคัญต่อเวียดนามมากขึ้น ในการรักษาเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค ซึ่งต้องการแหล่งพลังงานในการหล่อเลี้ยง โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันเทรนด์ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ยังทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กลายเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดใจ
เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา สภาวิทยาศาสตร์พลังงานของเวียดนาม ยังเสนอให้นายกรัฐมนตรี “ฟาม มินห์ ชินห์” บรรจุการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์เข้าไว้ในร่างแผนแม่บทการพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 (2021-2030)
รายงานของสภาวิทยาศาสตร์พลังงานประมาณการว่า ความต้องการไฟฟ้าของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นราว 8.5-9.4% ต่อปีนับจากนี้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อเป็นแหล่งไฟฟ้าที่สะอาด และมีเสถียรภาพ เพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
“ฮา ฮวง ฮอป” นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัก ในสิงคโปร์ มองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลเวียดนามจะตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เร็ว ๆ นี้
ไม่เพียงแต่เวียดนาม หลายประเทศในอาเซียนก็มีแผนในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อย่าง “กัมพูชา” ที่เพิ่งลงนามเอ็มโอยูกับจีนและรัสเซียในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขณะที่ “ลาว” ก็ลงนามเอ็มโอยูสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ร่วมกับรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2017
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 23 ธันวาคม 2564