วัคซีน "โมเดอร์นา" รุ่นใหม่กันโอมิครอนดีกว่ารุ่นปัจจุบัน 2 เท่า
บริษัทโมเดอร์นาเปิดเผยข้อมูลทางคลินิกล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งบริษัทได้พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุดนั้น สามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์หลักต่าง ๆ ได้ดีกว่าวัคซีนในปัจจุบันของโมเดอร์นา
วัคซีนที่โมเดอร์นาได้พัฒนาขึ้นใหม่นั้นพุ่งเป้าไปที่ไวรัสที่มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่จำนวน 9 สายพันธุ์ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์โอมิครอน และไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนในปี 2562
วัคซีนโมเดอร์นา ที่ใช้ในปัจจุบันที่พัฒนาขึ้นให้สามารถตรวจจับโปรตีนหนาม (Spike Protein) ซึ่งไวรัสใช้เป็นช่องทางในการบุกรุกเข้าไปในเซลล์ร่างกายมนุษย์นั้น เป็นวัคซีนที่ใช้ต่อต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น
แต่ขณะนี้ไวรัสโปรตีนหนามได้วิวัฒนาการตัวเองไปอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มน้อยลงที่แอนติบอดีซึ่งผลิตโดยวัคซีนจะสามารถตรวจจับไวรัสและต่อสู้กับไวรัสนั้นได้ จึงเป็นสาเหตุให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดน้อยลง
อย่างไรก็ดี การฉีดวัคซีนรุ่นปัจจุบันจำนวน 2 เข็มยังคงสามารถป้องกันการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ดี แม้ประสิทธิภาพในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงจะลดน้อยลงก็ตาม ส่วนวัคซีนรุ่นปัจจุบันเข็มที่ 3 นั้นก็ยังสามารถป้องกันการติดเชื้อและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้
สำหรับ วัคซีนเข็มบูสเตอร์รุ่นใหม่ของโมเดอร์นาที่มีปริมาณ 50 ไมโครกรัมต่อหนึ่งเข็มนั้น สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นสองเท่า ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ร่างกายมนุษย์ และสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้เป็นเวลานาน 6 เดือนหลังการฉีด เมื่อเทียบกับวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นดั้งเดิมในปริมาณที่เท่ากัน
นอกจากนี้ วัคซีนรุ่นใหม่ยังเพิ่มระดับของแอนติบอดีในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้เป็นเวลานานถึง 6 เดือนหลังการฉีดด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของ โมเดอร์นายังไม่ได้รับการทบทวนจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ขององค์กรอื่น ๆ
ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนเข็มบูสเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของโมเดอร์นานั้นได้แก่อาการปวดกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะ และอาการเหนื่อยล้า
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 21 เมษายน 2565