"อีลอน มัสก์" ทุ่ม 1.5 ล้านล้านซื้อทวิตเตอร์สำเร็จแล้ว
อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา (Tesla) และ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เผยถึงความสำเร็จในการซื้อกิจการของสื่อสังคมออนไลน์ “ทวิตเตอร์” (Twitter) ด้วยวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ (หรือกว่า 1.5 ล้านล้านบาท) ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้หลายล้านคน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บอร์ดบริหารของ ทวิตเตอร์ เริ่มการเจรจารอบใหม่กับ นายอีลอน มัสก์ เมื่อเขาเสนอ ซื้อหุ้นทวิตเตอร์ ในราคาหุ้นละ 54.20 ดอลลาร์ หลังจากที่การเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดูเหมือนจะล้มเหลว อย่างไรก็ดี ทางบอร์ดฯเริ่มมีท่าทีอ่อนลง และมีแนวโน้มยอมรับข้อเสนอของนายมัสก์ หลังจากที่เขาได้เปิดเผยว่าสามารถระดมทุน 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการทวิตเตอร์
แถลงการณ์ของนายอีลอน มัสก์ เมื่อวันจันทร์(25 เม.ย.) ระบุว่า "การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีคือรากฐานของประชาธิปไตยที่ทำงานได้จริง และทวิตเตอร์คือชุมชนแห่งดิจิทัลซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนรวมในการถกเถียงประเด็นสำคัญต่ออนาคตของมนุษยชาติ"
หลังข่าวการเจรจาประสบความสำเร็จเผยแพร่ออกมา ราคาหุ้นของทวิตเตอร์ก็ดีดตัวสูงขึ้น 6% สู่ระดับ 51.90 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับระดับราคาก่อนที่นายมัสก์จะออกมาเปิดเผยว่าเขาได้ซื้อหุ้น 9% ของทวิตเตอร์ อย่างไรก็ตาม ราคาดังกล่าวยังคงต่ำกว่า “ราคาสูงสุด” ของหุ้นทวิตเตอร์ที่ซื้อขายกันเมื่อปีที่แล้ว (2564) ที่ราคาเกือบ ๆ 70 ดอลลาร์ต่อหุ้น
นายมัสก์ได้ทวีตข้อความต่อผู้ติดตามมากกว่า 80 ล้านคนในทวิตเตอร์ของเขาเมื่อวันจันทร์ (25 เม.ย.)ว่า สื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์มีศักยภาพสูงมาก และเขาต้องการพัฒนาทวิตเตอร์ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ สร้างระบบอัลกอริทึ่มแบบเปิดกว้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ รวมทั้งกำจัดสแปมและบ็อตต่าง ๆ
ทั้งนี้ มัสก์แถลงว่าจะชดใช้หนี้มูลค่า 25,500 ล้านดอลลาร์ของบริษัททวิตเตอร์ และจะอัดฉีดเงินอีก 21,000 ล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทอีกด้วย ขณะที่รายงานข่าวระบุว่า ข้อตกลงซื้อขายนี้ผ่านความเห็นชอบของบอร์ดบริหารแล้ว และต้องเข้าสู่การลงมติของบรรดาผู้ถือหุ้นในลำดับต่อไป
ด้านทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่ระบุว่า ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นกังวลต่ออิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่ข่าวลวงหรือข้อมูลผิด ๆ ซึ่งรวมถึงทวิตเตอร์และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 26 เมษายน 2565