รถไฟจีน-ลาวเนื้อหอมค้าข้ามแดนจีน-ไทยโตพรวดรอคิวใช้บริการ
มช.สัมมนาออนไลน์ข้ามแดนไทย-จีน ทบทวนบทบาทรถไฟจีน-ลาว ผู้บริหารด้านบริการและการค้าผ่านทางรถไฟของยูนนานยอมรับ ด่านตรวจโรคพืช ด่านศุลกากรรถไฟโม่ฮานยังไม่พร้อมดำเนินการ ผลไม้สดไทยต้องขนทางรถหรือทางเรือตามเดิมไปก่อน ค้าข้ามแดนออนไลน์ก็โตพรวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ China Intelligence Center (CIC) วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CAMT) จัดสัมมนาออนไลน์ผ่านระบบซูม ในหัวข้อ “บทบาทของรถไฟจีน-ลาว ที่มีต่อการค้าผลไม้สด และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (CBEC) ไทย-จีน” เมื่อวันที่ 29 เเมษายน 2565
โดยได้เชิญวิทยากรจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจจีน เพื่อบรรยายในสองประเด็นสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของรถไฟจีน-ลาว ที่ได้เปิดดำเนินการเดินรถอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นมา
รวมระยะเวลากว่า 5 เดือนของเส้นทางดังกล่าว ที่ทำหน้าที่เป็นช่องทางการขนส่งทางบกทางเลือกใหม่เชื่อมโยงกลุ่มประเทศอาเซียนกับประเทศจีน และกลายเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ ทั้งสำหรับสินค้ากลุ่มผลไม้สด และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างไทย-จีน
ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้อยู่ภายใต้โครงการฯ ที่ทางศูนย์ CIC ได้รับงบประมาณจาก “กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง” ภายใต้การสนับสนุนของกรมเจรจาการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมี อ.ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ หัวหน้าศูนย์ China Intelligence Center ทำหน้าที่ดำเนินการสัมมนาและแปลภาษา
ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ หัวหน้าศูนย์ China Intelligence Center (CIC) วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยว่า การจัดสัมมนาดังกล่าวเกิดขึ้น ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย สู่ตลาดประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มผลไม้สด
ศูนย์ CIC จึงได้เรียนเชิญ Mr. GU Lifeng ผู้บริหารบริษัทรัฐวิสาหกิจ Yunnan International Railway Service and Trading มาบอกเล่าสถานการณ์การขนส่ง ผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน ทั้งในมิติภาพรวม และการขนส่งผลไม้สดไทยสู่ประเทศจีน ผ่านเส้นทางดังกล่าว
โดยพบว่าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีการขนส่งสินค้ารวม 307 เที่ยวขบวนรถ ปริมาณสินค้ารวมกว่า 2.521 แสนตัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,407 ล้านหยวน มีสัดส่วนปริมาณสินค้าขนส่งจากลาวไปจีนที่ร้อยละ 58 และจากจีนสู่ลาวร้อยละ 42 มีเมืองต้นทางการขนส่งจาก 18 มณฑลในประเทศจีน และสินค้าถูกส่งไปยังปลายทาง ผ่านเส้นทางนี้รวม 7 ประเทศอาเซียน กับ 1 ประเทศในเอเชียใต้ (บังคลาเทศ)
สัดส่วนปริมาณสินค้าที่ส่งออกจากจีน มีประเทศไทยเป็นปลายทางหลัก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 73.09 ของปริมาณสินค้าที่ส่งออกจากประเทศจีนทั้งหมด สินค้าประกอบด้วยสินค้ากลุ่มปุ๋ยเคมี เสื้อผ้า สินค้าเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า กล่องกระดาษ และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
สำหรับการส่งออกสินค้ากลุ่มผลไม้สดจากไทยไปจีน ที่กำลังเป็นประเด็นสนใจของผู้เข้าฟังสัมมนา พบว่าด่านตรวจโรคพืชด่านศุลกากรรถไฟโม่ฮาน ซึ่งเป็นหนึ่งในด่านนำเข้าผลไม้ที่อยู่ภายใต้ “พิธีสารว่าด้วยการขนส่งผลไม้สดผ่านประเทศที่สาม” ระหว่างไทย-จีนนั้น ปัจจุบันยังไม่พร้อมเปิดดำเนินการ โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ.2565 ช้ากว่ากำหนดการเดิมที่วางไว้ในช่วงเดือนพฤษภาคม
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันจึงยังไม่สามารถใช้เส้นทางรถไฟลาว-จีน เป็นเส้นทางหลักของการขนส่งผลไม้ไทย เพราะแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการดำเนินการทดลองขนส่งผลไม้ไทยผ่านเส้นทางนี้ไปแล้ว โดยแก้ปัญหาด่านตรวจโรคพืชที่ยังไม่พร้อมเปิดใช้ ด้วยการใช้วิธีการขนส่งจากสถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้ ถึงสถานีนาเตย จากนั้นจะเปลี่ยนระบบการขนส่งจากรถไฟเป็นรถบรรทุกหัวลาก เพื่อนำสินค้าผ่านด่านศุลกากรทางถนนโม่ฮาน ที่มีความพร้อม
แต่เนื่องจากลานเปลี่ยนถ่ายเพื่อยกตู้บรรทุกผลไม้จากรถไฟสู่รถหัวลาก ทำได้เพียงครั้งละ 9 คันรถ ทำให้ขบวนรถไฟ ที่นำเอาตู้บรรทุกผลไม้รวม 28 ตู้ต้องใช้เวลาขนถ่ายค่อนข้างมาก วิธีการนี้จึงรองรับการขนส่งได้เพียง 1 ขบวนต่อวันเท่านั้น ขณะที่ความต้องการส่งออกผลไม้ไทยสู่จีน ในช่วงเดือนเมษายน อยู่ที่ประมาณ 300 ตู้ต่อวัน และจะขึ้นไปสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่เป็นช่วงที่มีปริมาณผลไม้ออกมามากที่สุด ถึงกว่า 1,000 ตู้ต่อวัน
ด้วยเหตุนี้ผู้ส่งออกผลไม้จึงควรหาช่องทางอื่น สำหรับการส่งออกสำหรับฤดูกาลผลไม้ปีนี้ เช่น เส้นทาง R3A และการขนส่งทางเรือเดินสมุทร ที่ยังใช้การได้ปกติ แต่ต้องระมัดระวังกับการปนเปื้อนโควิด-19 ไปกับบรรจุภัณฑ์ของผลไม้ ที่เป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างมากสำหรับประเทศจีน ที่ยังคงมาตรการ “Zero Covid”อย่างเคร่งครัด
ในส่วนบทบาทของรถไฟลาว-จีน ต่อการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามแดน Mr. LIU Yang ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ คณะกรรมการจัดการเขตศุลกากรพิเศษครบวงจรคุนหมิง ได้บอกเล่ากรณีการขนส่งสินค้าจากจีนสู่ไทย ในรูปแบบ B2C ของสินค้าจีน เพื่อจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของไทย ไม่ว่าจะเป็น Lazada และ Shopee
โดยการขนส่งจากคุนหมิง ถึงนครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรถบรรทุก วิ่งต่อไปยัง ด่านชายแดน ไทย-ลาว “มุกดาหาร –สะหวันนะเขต” ที่สามารถดำเนินพิธีการศุลกากรสำหรับพัสดุภัณฑ์เร่งด่วน เพื่อเข้าสู่ประเทศไทยต่อไป
โดยได้ดำเนินการขนส่งด้วยวิธีการนี้มากกว่า 10 ตู้ นับตั้งแต่มีการเดินรถในเส้นทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งในทางกลับกัน ทางเขตศุลกากรพิเศษครบวงจรคุนหมิง ก็มีความพร้อม หากผู้ประกอบการไทยจะนำสินค้าไทย ผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน เพื่อไปจัดเก็บเพื่อรอจำหน่าย ผ่านช่องทาง CBEC ของจีน รวมถึงการขายผลไม้สดไทยผ่านวิธีการ Social Commerce และ VDO Livestreaming แบบ B2C จากสวนผลไม้ แล้วทำการจัดส่งผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีนที่รวดเร็ว ก่อนจะใช้การโลจิสติกส์ด่วนในประเทศจีน เพื่อส่งมอบผลไม้สดแบบ door to door ให้กับผู้สั่งซื้อต่อไป
นอกจากนี้ในช่วงท้ายของการสัมมนา ยังมีกิจกรรมแนะนำหลักสูตรระดับปริญญาโท DTM CBEC to China ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง CAMT กับสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะสำหรับการเป็น Project Manager หรือผู้ประกอบการด้านการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนไทย-จีน ซึ่งจะเปิดการเรียนการสอนสำหรับรุ่นที่1 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2565
ที่มา ฐานศรษฐกิจ
วันที่ 2 พฤษภาคม 2565