เช้าวันที่ 14 กรกฎาคม ณ สำนักรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เป็นประธานในการประชุมครั้งที่ 3 คณะกรรมการชี้นำแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติคำมั่นของเวียดนามในสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ COP26 

 

ในการกล่าวปราศรัยในการประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคือปัญหาระดับโลกและระดับประเทศ ดังนั้น จำเป็นต้องมีการเข้าถึงทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและเคยผ่านช่วงเวลาสงคราม ซึ่งมีความยากลำบากเป็นอย่างมากแต่ก็พยายามปฏิบัติคำมั่นเกี่ยวกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับประเทศพัฒนา การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการปฏิบัติเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ที่ 0% คือโอกาสของการพัฒาอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ 

 

ในนโยบายต่างๆของการพัฒนาประเทศ การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคือหน้าที่ของทั้งระบบการเมืองและสังคม เป็นหน้าที่และสิทธิประโยชน์ของประชาชนทุกคน โดยรัฐมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ แนะแนว ส่วนประชาชนและสถานประกอบการมีบทบาทเป็นศูนย์กลางและปฏิบัติโดยมีการเข้าร่วมขององค์กรทางการเมืองและสังคมต่างๆ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กำชับว่า

 

"ในการระดมแหล่งพลังต่างๆ ผมขอเสนอให้กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เน้นเป็นพิเศษในปัญหาบางด้าน หนึ่งคือปรับปรุงกลไกระเบียบให้สอดคล้องเพื่อปฏิบัติการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและการพัฒนาแห่งสีเขียว สองคือ เน้นระดมแหล่งพลัง ทั้งของรัฐและสังคม รวมไปถึงแหล่งพลังของความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในด้านการเงิน สามคือ ต้องปรับปรุงโครงสร้างด้านบุคลากรเพื่อยกระดับคุณภาพให้ดีขึ้น สี่คือ ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี 5 คือ เปลี่ยนแปลงใหม่ธรรมาภิบาลในด้านพลังงาน โดยถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรียังกำชับให้ขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่อิสระ พึ่งพาตนเอง เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ค้ำประกันความสมดุลใหญ่ๆ ของเศรษฐกิจ รวมทั้งด้านพลังงานเพื่อค้ำประกันให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจ

 

ที่มา vovworld.vn

วันที่ 14 กรกฏาคม 2565