ประชุม WHO ถกเครียด จะประกาศฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลกหรือไม่

องค์การอนามัยโลกประชุมอีกเป็นรอบที่สอง เพื่อพิจารณาว่าจะประกาศให้โรคฝีดาษลิง ที่กำลังระบาดอยู่ในหลายประเทศขณะนี้ เป็น “ภาวะฉุกเฉินระดับโลก” หรือไม่ ขณะทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อทะลุ 15,000 ราย (ไม่นับรวมแอฟริกา) และมี 6 ประเทศพบผู้ติดเชื้อรายแรกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 
 
วันที่ 21 ก.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการภาวะฉุกเฉินของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประชุมอีกเป็นรอบที่สอง เพื่อพิจารณาว่าจะประกาศให้ โรคฝีดาษลิง หรือ monkeypox ที่กำลังระบาดอยู่ในหลายประเทศขณะนี้ เป็น “ภาวะฉุกเฉินระดับโลก” หรือไม่
 
การประชุมดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตของนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ว่าความแตกต่างระหว่างการระบาดในทวีปแอฟริกากับในประเทศที่พัฒนาแล้วอาจทำให้เกิดความยากลำบากในการร่วมมือประสานงานกัน ผู้เชี่ยวชาญยังมีการถกประเด็นที่ว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินมีความจำเป็นหรือไม่ เนื่องจากทางการแอฟริกาใต้นั้น ถือว่าโรคฝีดาษลิงซึ่งเป็นโรคประจำถิ่น เป็นภาวะฉุกเฉินอยู่แล้ว ขณะที่โรคฝีดาษลิงที่กำลังระบาดในทวีปยุโรปและอเมริกาในเวลานี้ มีความรุนแรงต่ำกว่า
 
สะท้อนจากการที่รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศลดระดับเตือนภัยการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงลงแล้ว เนื่องจากมองว่าไม่ได้มีความรุนแรงของโรคมากนัก ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มมองว่า แม้จะหยุดยั้งการระบาดของโรคฝีดาษลิงไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข
 
ทั้งนี้ โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคประจำถิ่นที่ระบาดอยู่ในภาคกลางและตะวันตกของทวีปแอฟริกามาหลายสิบปีแล้ว โดยเป็นโรคปรากฏอาการทางผิวหนัง ติดเชื้อจากสัตว์ป่าสู่มนุษย์ ส่วนการแพร่ระบาดในยุโรปและอเมริกาเหนือนั้นเริ่มมาตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ (2565)
 
โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ในยุโรปและอเมริกาเหนือ เป็นบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแบบรักร่วมเพศ โดยผู้เชี่ยวชาญจาก WHO สันนิษฐานว่า จุดเริ่มต้นอาจมาจากการร่วมเพศกันในงานปาร์ตี้ 2 แห่ง ที่จัดขึ้นในประเทศเบลเยียมและสเปน
 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ปัจจุบัน พบผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษลิงแล้วมากกว่า 15,000 รายใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา และบรรดาชาติร่ำรวยอื่น ๆ เริ่มกวาดซื้อวัคซีนป้องกันโรคไปแล้วหลายล้านโดส แต่ทวีปแอฟริกานั้นกลับไม่มีวัคซีนแม้แต่โดสเดียวทั้ง ๆ ที่โรคฝีดาษลิงในแอฟริกานั้นมีความรุนแรงกว่ามาก และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 70 ราย ส่วนในชาติอื่นนั้นยังไม่พบผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
 
WHO ยังพบด้วยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงที่อยู่นอกทวีปแอฟริกานั้น 99% เป็นเพศชาย ในจำนวนนี้ 98% เป็นผู้ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศเดียวกันและเคยมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นด้วยกันมาแล้วก่อนป่วย แม้โรคดังกล่าวจะสามารถติดต่อได้ทุกเพศทุกวัยที่สัมผัสตุ่มหนองติดเชื้อ
 
ศาสตราจารย์นายแพทย์พอล ฮันเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัยอีสต์ แองเกลีย ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า โรคนี้ระบาดในหมู่ชาวเกย์ เป็นกลุ่มบุคคลที่รักความเป็นส่วนตัวไม่ต้องการเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบและบางครั้งไม่ทราบด้วยว่าบุคคลที่มาหลับนอนด้วยนั้นเป็นใคร
 
ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ยังระบุด้วยว่า ผู้ป่วยบางคนเป็นผู้ชายที่สมรสกับผู้หญิงอีกคนอยู่แล้ว และมีความพยายามปิดบังเรื่องดังกล่าวจากครอบครัว ทำให้การสืบย้อนรอยเส้นทางของโรคทำได้ยากมากขึ้น นอกจากนี้ ความยุ่งยากยังรวมถึงการขอให้พวกเขามาเข้ารับการตรวจหาเชื้อด้วย ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อนจึงดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
 
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หาก WHO ตัดสินใจประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลกก็อาจยิ่งส่งผลให้เกิดการกวาดซื้อและกักตุนวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีการกวาดซื้อและกักตุนวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา “โควิด-19” ในช่วงแรก ๆ ของการแพร่ระบาด
 
ข่าวเอพีรายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ จะมีการกระจายการส่งมอบวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงในมลรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา กว่า 1 แสนโดส และอีกหลายล้านโดสจะตามมาภายในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยมีข้อมูลทางการของสหรัฐระบุว่า ปัจจุบัน สหรัฐตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงสะสมมากกว่า 2,000 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายร้อยรายต่อวัน
 
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 22 กรกฏาคม 2565  

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)