ท่องเที่ยวโอดขึ้นค่าแรงกระทบธุรกิจ หลังต้นทุนพุ่ง-ศก.ยังฟื้นไม่เต็มที่
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ระดับ 5-8% แล้วแต่พื้นที่ สูงสุดอยู่ที่ 360 บาทต่อวัน เฉพาะในกรุงเทพฯ และชลบุรี ต่ำสุดอยู่ที่ 313 บาทต่อวัน โดยประเมินผลกระทบต่อผู้ประกอบการมีแน่นอนอยู่แล้ว เนื่องจากถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก รวมถึงในภาคการท่องเที่ยวไทย เรายังเห็นสถานประกอบการ อาทิ โรงแรม ยังปิดอยู่ประมาณ 50% นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ 28,000-30,000 คนต่อวัน ฟื้นตัวกลับมาเพียง 10% เทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เท่านั้น
“แม้รัฐบาลจะบอกว่าการท่องเที่ยวฟื้นดีขึ้น แต่ก็ต้องมาประเมินอีกครั้งว่า ดีขึ้นจากอะไร หากบอกว่าดีขึ้นจากช่วงที่เกิดโควิดแรงๆ ก็ใช่ แต่หากเทียบกับตอนก่อนเกิดโควิด ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 2-3 แสนคนต่อวัน ก็ถือว่ายังกลับมาน้อยอยู่ ซึ่งขนาดตอนนี้กลับมาน้อย แต่ธุรกิจโรงแรมก็มีปัญหาแล้วในวันที่อัตราการเข้าพักสูงๆ อย่างช่วงวันหยุด ที่ต้องการพนักงานมากขึ้น ทำให้คนที่ต้องการใช้แรงงานจริงๆ ต้องจ่ายเกินอัตราค่าแรงขั้นต่ำแล้ว อยู่ประมาณ 700-800 ต่อวัน” นายธเนศกล่าว
นายธเนศกล่าวว่า ธุรกิจบริการ ถือเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ทำให้ค่าแรงถือสัดส่วนกว่า 30-40% ของต้นทุนรวม บวกกับค่าไฟฟ้าและค่าน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้เมื่อมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น ก็จะดึงต้นทุนขึ้นประมาณ 5-10%
โดยสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดในตอนนี้นอกเหนือจากต้นทุนคือ ช่วงฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยจำนวนมาก หากตอนนั้นเรายังหาแรงงานเข้ามาเสริมในธุรกิจไม่เพียงพอ ตรงนี้จะเป็นปัญหาหลักมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมธุรกิจในปัจจุบันฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว หากเทียบกับช่วงโควิดรุนแรง แต่เราก็ยังพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ความต้องการ (ดีมานด์) เดินทางท่องเที่ยวมีเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ทำให้แม้ฟื้นตัวแต่ก็ไม่ได้ดีมากนัก
นายธเนศกล่าวว่า ขณะนี้เราเห็นดีมานด์ตลาดคนไทยเที่ยวนอก จากที่ผ่านมาเราได้ลูกค้าตลาดนี้เข้ามาช่วยพยุงธุรกิจ เพราะไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ แต่ตอนนี้คนมีเงินหรือมีกำลังซื้อ ก็เห็นเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น อาทิ ยุโรป สหรัฐ เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วย ทำให้ดีมานด์ในตลาดนี้ที่เคยเข้ามาช่วยในช่วงการระบาดโควิด เมื่อมีทางเลือกไปต่างประเทศได้ ก็หายไปอีกประมาณ 70% เพราะอัดอั้นมากว่า 2 ปีแล้ว
นายธเนศกล่าวว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น มองว่าอย่างน้อยการที่ศาลออกมารับคำรอง และให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และมีรักษาการแทน ก็ถือว่าช่วยลดแรงตึงเครียดได้บ้าง แต่สุดท้ายแล้วต้องดูว่าเมื่อครบ 1 เดือนแล้ว ศาลจะมีคำวินิจฉัยสรุปผลออกมาอย่างไร เนื่องจากการทำงาน หรือการเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆ คงไม่ได้มีผลกระทบอะไร โดยมองว่าควรเร่งให้ศาลมีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมา ว่าจะเอาอย่างไรกัน เพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินหน้าต่อได้
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 28 สิงหาคม 2565