แปรความคาดหวังพัฒนาประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่งให้เป็นจริง
เมื่อค่ำวันที่ 31สิงหาคม ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติ ในกรุงฮานอย ประธานประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกและภรรยาได้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสฉลองวันชาติครั้งที่ 77 ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 2 กันยายน
ในการกล่าวในพิธี ประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกยืนยันว่า บนเส้นทางแห่งการพัฒนากว่า70ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือที่มีค่าและมากด้วยประสิทธิภาพจากประชาคมระหว่างประเทศมาโดยตลอดโดยเฉพาะในสภาวการณ์เกิดปัญหาการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แม้จะยังมีความยากลำบากแต่หลายประเทศ และเพื่อนต่างชาติก็ยังคงแบ่งปันวัคซีนและเวชภัณฑ์กับเวียดนามในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เมื่อเข้าสู่ช่วงชีวิตวิถีใหม่ด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่ง เวียดนามก็ได้กำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ต่างๆโดยเฉพราะการยึดมั่นในเป้าหมายของเอกราชประชาชาติและสังคมนิยม ยืนหยัดภารกิจเปลี่ยนแปลงใหม่ ค้ำประกันผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติบนพื้นฐานหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ
“จากความจริงที่ผ่านมาเราตระหนักดีว่า เพื่อแปรความคาดหวังพัฒนาประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่งให้เป็นจริงก่อนอื่นต้องเสริมสร้างความสามัคคีชนทั้งชาติ โดยการส่งเสริมพลังภายในเป็นปัจจัยชี้ขาดแต่ยังไม่เพียงพอเพราะจะต้องระดมพลังจากภายนอก ต้องเรียกการสนับสนุนและร่วมมือจากประชาคมระหว่างประเทศเพื่อสร้างเป็นพลังรวมที่แข็งแกร่งในการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ซึ่งบรรดาเอกอัครราชทูต อุปทูต หัวหน้าผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศในเวียดนามมีบทบาทสำคัญมาก
นอกเหนือจากโครงการความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคีที่มีอยู่ ข้าพเจ้าขอเสนอลำดับความสำคัญของความร่วมมือ4ประการดังนี้
ประการแรก คือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ การเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรของสหประชาชาติ รักษาบรรยากาศระหว่างประเทศที่เอื้ออำนวยต่อความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ประการที่สอง กระชับความสัมพันธ์ร่วมมือให้ลึกซึ้งจริงจังยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ปฏิบัติข้อตกลงร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ความร่วมมือด้านทรัพยากรมนุษย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น
ประการที่สาม ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การป้องกันและควบคุมโรคระบาด การสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุข สวัสดีการสังคม ลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ลดความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ประการที่สี่ เสริมสร้างรูปแบบการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนในทุกระดับ การลงทุน การค้า วัฒนธรรม และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน.”
โอกาสนี้ นาย Saadi Salama เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ หัวหน้าคณะนักการทูตได้กล่าวอวยพรและย้ำว่า แม้จะยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากโรคระบาดและสถานการณ์โลกที่ไร้เสถียรภาพ เวียดนามก็ยังประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ เวียดนามยังคงได้รับการประเมินว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติบโตและฟื้นตัวเร็วที่สุดในภูมิภาค ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับประเทศและนักลงทุนต่างชาติพร้อมให้ความร่วมมือและมั่นใจในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย มีเสถียรภาพ น่าเชื่อถือและเต็มศักยภาพของเวียดนาม
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 1 กันยายน 2565