ทูตพาณิชย์ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกถดถอย

"พาณิชย์" ดันส่งออกปีนี้5% ลุยฝ่าเศรษฐกิจโลกถดถอย ด้านผู้ส่งออก ยังมั่นใจ ส่งออกไทยไปได้ตาอเนื่อง ชูสินค้าอาหาร สิ่งทอ พระเอกส่งออกไทย
 
การส่งออกยังเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2565 แต่กำลังเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกถดถอยที่อาจมีผลต่อการกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งทำให้ต้องมีแผนเพื่อกระตุ้นการส่งออกในช่วงปลายปีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้อัตราการขยายตัวเป็นไปตามเป้าหมาย 4-5% 
 
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึกครึ่งปีหลัง 2565 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ใน 58 สำนักงาน 42 ประเทศ ว่า การส่งออกไทยยังต้องเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกทั้งสงครามการค้า โควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาจีนกับไต้หวันเพิ่มเติมขึ้นมา ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของผู้ค้าของเราชะลอตัว บางประเทศมีแนวโน้มติดลบ 
รวมทั้งปัญหาการขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินและระบบการขนส่งสินค้าก็ตาม 
 
 
ซึ่งทูตพาณิชย์จากทุกประเทศ ได้จัดทำแผนร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและภาคเอกชน ทำแผนงานที่มีความชัดเจน จากเดิมกำหนดไว้กิจกรรมในปี 2565 ไว้ที่ 185 กิจกรรม แต่แผนใหม่ปรับเป็น 530 กิจกรรม มีกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรม เพื่อทำตัวเลขครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นกว่าเป้าเดิมที่ทำไว้
 
สำหรับกิจกรรมการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 345 กิจกรรม มีทั้งกิจกรรมเชิงรุกและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดเมืองรอง จากที่เน้นการเจาะเมืองหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเมืองรองมีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะ 105 เมือง ใน 36 ประเทศ จะเจาะตลาดสินค้าชนิดใหม่เพิ่ม เช่น สินค้าก่อสร้างและบริการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ 
 
รวมทั้งเจาะตลาดซาอุดิอาระเบีย ที่มีนโยบายสร้างเมืองใหม่ สินค้าฮาลาล และเจาะตลาดจีนที่มณฑลกานซู่ ที่มีชาวมุสลิมมาก และอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นสินค้าดาวเด่น และจะเร่งรัด Mini-FTA โดยช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการลงนามมินิเอฟทีเอ เมืองคยองกี ประเทศเกาหลี เมืองเสิ้นเจิ้น และ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน
 
นอกจากนี้จะส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟพาวเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญกับ BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่า
 
“ในครึ่งปีหลังกำหนดมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอีกเป็น 570 ล้านดอลล่าร์ หรือ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากทำได้มูลค่าการส่งออกทั้งปีจะเพิ่มขึ้นเป็นได้ 284,933 ล้านดอลาร์ จากเดิม 284,863 ล้านดอลลาร์ หรือขยายตัว 4 %"นายจุรินทร์ กล่าว
 
ปัจจุบัน การส่งออกช่วง 7 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) ทำรายได้เข้าประเทศแล้ว 172,814.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11.5% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% ซึ่งการเพิ่มตัวเลขส่งออกในช่วยครึ่งปีหลังนี้อีกเป็น 570 ล้านดอลล่าร์ แต่กระทรวงก็ยังไม่มีการปรับเป้า
 
สำหรับการทำงานของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเร่งรัดตัวเลขส่งออกและการแก้ปัญหาการส่งออกรูปธรรม คือ การแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนและค่าระวางเรือมีราคาสูงมาก ปัจจุบันได้แก้ปัญหาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วสามารถแก้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนได้โดย เฉพาะ 6 เดือนแรกของปีนี้ ตู้คอนเทนเนอร์มีให้ใช้ส่งออกได้เพิ่มขึ้นถึง 12% และค่าระวางเรือปรับลดลงจาก 15,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ ลดลงมาเหลือ 7000 ถึง 10,000 ดอลลาร์ ลดลง 50% ทำให้ส่งออคล่องตัวขึ้น และการเปิดโอกาสให้เรือใหญ่มาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้ มีส่วนช่วยเสริมให้มีพื้นที่เหลือ ส่งออกได้มากขึ้น 
 
ประคัลร์ กอดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน อังกฤษ กล่าวว่า กล่าว มีการประเมินว่าเศรษฐกิจยุโรปในช่วงครึ่งปีหลังจะถดถอยจากภาวะเงินเฟ้อ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สกัดเงินเฟ้อ 
สำหรับส่งออกไปยุโรปยังมีโอกาส ซึ่งจะผลักดันผ่าน 64 กิจกรรม โดยกิจกรรมเชิงรุกวางไว้ 33 กิจกรรม อาทิ ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (Joint Economic and Trade Committee : JETCO) ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงการค้าระหว่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักร รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าไทยกับสหราชอาณาจักร การสร้างความร่วมมือกับออสเตรีย 
 
ขณะที่กิจกรรมเชิงลึกวางไว้ 31 กิจกรรม คือ การเจาะตลาดใหม่ เมืองรอง 9 แห่ง การเจาะสินค้าและบริการ 6 กลุ่ม ผ่านงานแสดงสินค้า จัด trade mission ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 2,775 ล้านบาท 
 
เกษสุรีย์ วิจารณภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ค สหรัฐ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรกมีมูลค่า 9 แสนกว่าล้านบาท ขยายตัว 31.74 % ส่วนลาตินอเมริกาในครึ่งปีแรกส่งออกมีมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ขยายตัว 19.6% 
 
สำหรับสถานเศรษฐกิจภูมิภาคนี้หลายฝ่ายคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 จากปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง อย่างไรก็ตามยังมีดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณดีอยู่ เช่น ราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเดินต่อไปได้ ซึ่งมีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยต้องดูว่า มาตรการของเฟดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะสามารถสกัดเงินเฟ้อได้มากน้อยแค่ไหน 
 
ทั้งนี้ สคต.วางแผนส่งเสริมกิจกรรมผลักดันการส่งออก 36 กิจกรรม มีกิจกรรมเชิงรุก 21 กิจกรรม เช่น ซอฟเพาเวอร์ อีคอมเมิร์ซ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ ส่วนกิจกรรมเชิงลึก 15 กิจกรรม จะเจาะตลาดเมืองรองใน 9 รัฐของอเมริกาเหนือ รวมถึง 2 เมืองในลาตินอเมริกา และ 4 ประเทศในแคริบเบียน จะทำให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 2,864 ล้านบาท
 
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ที่มีแผนเชิงรุกและเชิงลึกทำให้เอกชนเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่า ซึ่งเอกชนจะเดินตามแผนที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้ โดยประสานผู้ส่งออกร่วมกิจกรรม 
 
ทั้งนี้ สรท.มั่นใจว่าการส่งออกปี 2565 จะขยายตัว 8% จากกิจกรรมการส่งออก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้เอื้อต่อการส่งออกไทย แม้มีความกังวลเศรษฐกิจถดถอยในประเทศค้าหลัก เช่น สหรัฐ ยุโรป แต่ดูจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่อยู่ระดับสูง อัตราการว่างงานน้อย แม้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่ได้เลวร้ายนัก ซึ่งสินค้าที่เป็นเรือธงส่งออกของไทยยังเป็นอาหาร เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ
 
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 15 กันยายน 2565 

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)