เตือนเศรษฐกิจโลกถดถอยปี 66 หลังแบงก์ชาติทั่วโลกแห่ขึ้นดอกเบี้ย
เวิลด์แบงก์เตือนเศรษฐกิจโลกจะถดถอยในปีหน้า (2566) สาเหตุเนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมใจกันขยับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลก กำลังเข้าใกล้ภาวะถดถอย (recession) แล้ว เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาพร้อม ๆกัน เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นมาก
รายงานของธนาคารโลกเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา จีน และยูโรโซนได้ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และเศรษฐกิจโลกอาจจะต้องเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า (2566)
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ธนาคารกลางต่างๆจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2% เพื่อสกัดเงินเฟ้อให้อ่อนตัวลง นอกเหนือจากที่ปรับขึ้นแล้ว 2% ก่อนหน้านี้
ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นดังกล่าวท่ามกลางภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน จะฉุดให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกลดลงสู่ระดับ 0.5% ในปี 2566 ขณะที่รายได้ต่อหัวจะหดตัวลง 0.4% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าเกณฑ์การเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค
ธนาคารโลกยังเตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว “หนักที่สุด” หลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยนับตั้งแต่ปี 2513 เป็นต้นมา และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ดิ่งลงหนักกว่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอยก่อนหน้านี้
สำหรับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนั้น สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) หรือ FOMC ที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 20-21 ก.ย.นั้น มีการให้น้ำหนักมากขึ้นว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 1.00% เนื่องจากตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อล่าสุดในเดือนส.ค. พุ่งสูงเกินคาด (8.3%)
และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงที่สุดของเฟดในปีนี้
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 16 กันยายน 2565