ท่องเที่ยวลุ้นบูม "ไฮซีซั่น" ไต่บันได 5 ขั้นฟื้น "ธุรกิจ-ศก."
ภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวให้ความเห็นถึงสถานการณ์และการเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงไฮซีซั่นในปลายปีนี้ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจที่ซบเซาไปนานกว่า 2 ปีจากโควิดระบาด และจะช่วยให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีขึ้นด้วย
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร
นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)
ทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในไตรมาส 4/2565 เชื่อว่าจะดีขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติแน่นอน เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ของตลาดต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดระยะไกล อาทิ ยุโรป ที่มักหนีอากาศหนาวเข้ามาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีวันพำนักค่อนข้างนาน ถือว่าเป็นทิศทางที่ดี
รวมถึงตอนนี้เราเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเข้ามาเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขล่าสุดแตะ 5 ล้านคนแล้ว อีกทั้งยังเห็นบางตลาดเริ่มเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น แม้ประเทศต้นทางยังเผชิญกับปัญหาโควิดอยู่ อาทิ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น จึงคาดว่าภาพรวมจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัญญาณบวกที่ชัดเจนคือ คนเริ่มกลับมาเดินทางมากขึ้น ทั้งตลาดต่างชาติ และตลาดไทยเที่ยวไทย หลังโควิดระบาดกว่า 2 ปี ทำให้คนไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ เกิดความอัดอั้น พอสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว การเดินทางก็กลับมาตามธรรมชาติ
ขณะนี้เราเห็นยอดจองการเดินทางล่วงหน้าเข้ามาบ้างแล้ว รวมถึงมีการสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งไฮซีซั่นนี้แน่นอน
ปัจจัยเสี่ยงที่ยังกังวลอยู่มาก เป็นเรื่องสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อกว่าที่คาดไว้ และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ ไต้หวัน กับจีน เพราะหากเกิดความรุนแรงมากขึ้น จะทำให้พลเมืองประเทศเหล่านี้ไม่มีความเชื่อมั่น กระทบบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว และประเทศเหล่านี้เป็นฐานลูกค้าหลักของไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลหลักคือ เที่ยวบินยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ เทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด ยังเห็นการกลับมาของเที่ยวบินและจำนวนที่นั่งค่อนข้างน้อย ซึ่งเที่ยวบินถือเป็นหัวใจสำคัญในการขนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา หากเที่ยวบินไม่กลับมา ความหวังเห็นต่างชาติเข้ามาแบบคึกคักอาจไม่เป็นตามคาดได้ แต่เข้าใจว่าบางปัจจัยเสี่ยงไม่สามารถควบคุมได้ อย่างสงครามระหว่างประเทศต่างๆ หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
แต่เมื่อภาพแนวโน้มไฮซีซั่นสามารถคาดหวังได้ อยากฝากถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ต้องมีความหวัง เพราะอาชีพของเรากำลังจะกลับมาแล้ว แม้ต้องลุ้นอยู่บ้างว่าตลาดที่เปิดแล้วจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นมากน้อยเท่าใด ซึ่งผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมรองรับและให้บริการธุรกิจของตัวเองต่อไป
สำหรับเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทั้งปี 2565 ที่จะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 7-10 ล้านคน อาจไปถึงได้ หากนับรวมการเข้ามาของนักท่องเที่ยวทางบก หรือชายแดนต่างๆ ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่าจะเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนแน่นอน หากรวมกับตัวเลขที่ได้ในปัจจุบันก็แตะ 9 ล้านคนแล้ว ตอนนี้รอลุ้นเพียงแค่จะเข้ามาถึง 1.5 ล้านคนต่อเดือนหรือไม่ หากเข้ามาถึงก็จะดันตัวเลขได้ตามเป้าที่ 10 ล้านคนได้
ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากแต่ละประเทศยังไม่ได้เปิดให้พลเมืองเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะตลาดที่เป็นฐานลูกค้าหลักของไทยอย่างจีน แม้รัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดมากขึ้น แต่ยังเห็นการล็อกดาวน์บางเมืองของจีนอยู่หากเจอโควิด ทำให้ความหวังที่จะเห็นชาวจีนเที่ยวไทยอาจยังคาดหวังได้ไม่มากนัก
ส่วนการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. จากเดิม 02.00 น. หากทันไฮซีซั่นนี้คงไม่ได้กระตุ้นตลาดต่างชาติมากนัก แต่สามารถเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นในกลุ่มที่นิยมดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับมื้ออาหาร แต่ก็คงไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนมากนัก เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว การเข้ามาเพื่อเที่ยวกลางคืน หรือดื่มแอลกอฮอล์คงไม่ได้เป็นเรื่องหลักๆ ในการท่องเที่ยว
พัลลภ แซ่จิว
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
ก่อนหน้านี้เรามีประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการจากหลายกระทรวง สภาท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สสปน. ซึ่งทั้งหมดมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกันว่า เราจะต้องเร่งดำเนินการที่เรียกว่า บันได 5 ขั้น คือ ฟื้น-ปรับ-รับ-รุก-ปักธง คือต้องฟื้นให้สำเร็จ ตรงนี้ก็ต้องเติมเงินลงไปให้ฟื้น ทำให้กลับมามีสภาพคล่องเพื่อเปิดกิจการให้ได้ เนื่องจากขณะนี้โรงแรมในหลายพื้นที่ รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่เองยังไม่สามารถกลับมาเปิดได้เลย เจ้าหนี้เริ่มรุมเร้าและมีการฟ้องร้อง
ปัญหาที่เกิดและกระทรวงแรงงานเองก็รับทราบปัญหาแล้ว คือการที่คนในภาคบริการไม่มี เพราะในช่วงวิกฤตเขาต้องกลับออกไปทำงานในอาชีพอื่นเพื่อเลี้ยงตัวเอง จากพนักงานขับรถนำเที่ยวไปเป็นพนักงานขับรถปูน และเริ่มพอใจกับงานใหม่ที่แม้ว่าจะมีรายได้ไม่มากเท่าเดิม แต่ดูเหมือนจะมั่นคงกว่า เพราะอาชีพท่องเที่ยวหากไม่มีคนก็เสี่ยงที่จะประสบปัญหาอีก คนทำงานสปา นวด โรงแรม หายกลับภูมิลำเนา จะทำอย่างไรกระตุ้นให้เขากลับมาด้วยความมั่นใจอีกครั้ง
ที่แน่ๆ เลยคือ ธุรกิจต้องปรับธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์โลก เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่เหมือนเดิม ต้องปรับลดทุกอย่างหมด จากเดิม 500 ห้อง จะไม่เต็มอีกต่อไป กิจกรรมจัดประชุมสัมมนาต้องเน้นไปสู่พื้นที่สีเขียว Go Green ค่านิยมเดิมที่ต้องนำผักสด ผักสลัดมาจัดจานให้สวย ปรากฏว่าคนไม่กินกลายเป็นขยะไร้ค่า แต่มีราคาต้นทุนต้องปรับตัวอย่างไร
ผู้ประกอบการต้องรุกเชิงตลาดใหม่ เราอยากเป็นใครใน 1-2 ปีข้างหน้า ในขณะที่อุดรธานีเขาเตรียมการจัดพืชสวนโลกเอ็กซ์โป ภูเก็ตนำในเรื่องสเปเชียลเอ็กซ์โป แล้วเชียงใหม่จะทำอะไร เชียงใหม่มุ่งเมืองเฟสติวัล มีอีเวนต์ 12 เดือน มีเทศกาลที่น่าสนใจทุกเดือน เราก็ต้องเตรียมโรงแรม ห้องพัก ให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จัดเตรียมคู่ค้าดึงบริษัทนำเที่ยว 30-40% พาเอเยนต์เข้ามาดู เชียงใหม่มีอะไรใหม่ เชียงใหม่ใหม่เสมอ หรือเชียงใหม่ ใหม่ทุกวัน ทุกซีซั่น จะให้เขามาเที่ยวจะเอาอะไรมาดึงดูด เมืองแห่งดอกไม้ยังได้อยู่หรือไม่ เมื่อยังมีเสน่ห์อยู่ก็ต้องทำให้เห็นว่า สวยอย่างไร มาง่าย สะดวกหรือไม่ เหมาะกับเม็ดเงินที่ต้องจ่ายหรือไม่
ททท.มีแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ เช่น รถทัวร์ทั่วไทย ดึงนักท่องเที่ยวตลาดกลางและกลางล่าง ที่นิยมเดินทางด้วยรถทัวร์ ราคาไม่แพง 4-7 พันบาทมาเที่ยวได้ ในขณะที่ภาครัฐก็หนุนให้เกิดวันหยุดยาวที่เหมาะสม เช่น เดือนตุลาคมมีวันหยุดวันปิยมหาราช แต่มีฟันหลอ 1 วันก็ประกาศให้หยุดยาว 4 วัน คนก็จะตัดสินใจออกเดินทางไกลมากขึ้น ประสานสายการบินเปิดเส้นทางใหม่ดึงต่างชาติ ฟุกุโอกะ เวียดนาม เกาหลี อินเดีย รับประกันว่าจะไม่ปล่อยให้ขาดทุน หรือเตรียมตัวรอรับชาวจีน เพิ่มมูลค่าสินค้าคุณภาพ เชิงสุขภาพ
ทำให้เกิดเป้าหมายชัดเจน กระจายรายได้สู่เมืองหลัก เมืองรอง และชุมชน เมืองชายแดนที่มีด่าน เช่น R3A หากชาวจีนจะคาราวานมาเที่ยว ขอให้ปรับการอนุมัติเข้าเมืองให้เร็วขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ไม่เสียเวลาแบบปัจจุบัน ไม่ต้องเสียเวลามาสอบใบขับขี่ใหม่ ทั้งที่เข้าขับรถมาจากจีน สปป.ลาว พอจะเข้าไทยเสียเวลาเป็นวันๆ นำดิจิทัล สมาร์ทซิตี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ย่นระยะเวลาขั้นตอนลง แบบที่เรียกว่า One Single Checkpoint เชื่อมโยงด่านต่างๆ บ้านฮวก จ.พะเยา ภู่ดู่ จ.อุตรดิตถ์ ห้วยโก๋น จ.น่าน เชียงของ จ.เชียงราย ท่าลี่ หลวงพระบาง สปป.ลาว เพื่อเชื่อมประเทศจีน แก้เชิงนโยบายจะได้ทิศทางบวกมากกว่าจัดอีเวนต์ไม่กี่ครั้ง
ล่าสุดอินเดียเขาก็บ่นว่า ตม.ไทย ปฏิเสธคนอินเดียจำนวนมาก ทั้งที่เขาอยากเข้ามาท่องเที่ยว และสุดท้ายอยากเห็นการจัดการอย่างจริงจังกับบริษัทข้ามชาติที่เข้าใช้การตลาดในระบบดิจิทัลแบบ OTA กินรวบเงินไหลออก
ส่วนประเด็นการเปิดผับตี 4 นั้น เป็นเรื่องของความพยายามทำเรื่องใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพราะปัจจุบันผับบาร์ลับมันมีอยู่แล้ว ไม่เปิดมันก็มีทุกที่ทั่วไทย แต่เหรียญมันมีสองด้าน เม็ดเงินเยอะก็ต้องทำให้ดี เหมือนหวย เหมือนกัญชา ทำได้ดีก็ได้รับคำชม ทำไม่ดีก็โดนด่า
รัชชพร พูลสวัสดิ์
นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ในพื้นที่ของเกาะสมุยตอนนี้มีผู้ประกอบการโรงแรมกลับมาเปิดเพิ่มมากขึ้น ทราบมาว่ามีโรงแรมหลายแห่งที่มีการปิดอยู่ได้ขยับตัวเพื่อจะกลับมาเปิดใหม่ในช่วงเดือนธันวาคมที่เป็นช่วงไฮซีซั่น แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นช่วงที่กำลังหาทุนหรือหาสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ แต่ตอนนี้ถ้านโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังกำกับธนาคารพาณิชย์โดยใช้นโยบายเดิม
ทั้งๆ ที่ประเทศไทยต้องการให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พูดมาว่าประเทศไทยต้องการจะเพิ่มยอดการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสที่ 4 เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดทั้งเรื่องของต้นทุนและการสนับสนุนต้องลงมาจริงจังมากกว่านี้ เราอยากให้ภาครัฐช่วยผู้ประกอบการกลับมารีสตาร์ตมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการแทบจะโตกันเอง แทบจะหาตุ้นทุนกันเองในการกลับมาเปิดอีกครั้ง
แต่ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว เชื่อว่าปลายปีนี้โรงแรม ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร รถเช่า จะได้มีทุนเริ่มต้นธุรกิจของเขาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในปลายปีนี้
อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ทางสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยจะมีการพูดคุยกับสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันทำหนังสือเปิดผนึกในเรื่องนี้ถึงทางรัฐบาล และในเรื่องของวีซ่า อาจจะเป็นการลดค่าวีซ่า หรือฟรีวีซ่า เพื่อจูงใจให้กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา
นอกจากนี้ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ยังผลักดันให้มีการพิจารณาให้สถานบริการเปิดได้ถึงตี 4 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล ผล กระทบ การแบ่งโซนนิ่ง ก็อาจจะเป็นพื้นที่หาดเฉวง หาดละไม เพื่อยื่นต่อไปทางอำเภอเกาะสมุย ผ่านไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต่อไป
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 19 กันยายน 2565