นาซาเฮ! ส่งยานอวกาศ "ดาร์ท" พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยสำเร็จ นับหนึ่งการทดสอบป้องกันโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 27 กันยายนว่า ยานอวกาศ “ดาร์ท” ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา ได้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยด้วยความเร็ว 22,530 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำเร็จเมื่อวันที่ 26 กันยายน นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการทดสอบระบบปกป้องโลกที่ถูกออกแบบเพื่อป้องกันโอกาสการเกิดอุกกาบาตพุ่งชนโลกจนอาจสร้างอันตรายร้ายแรงแก่สิ่งมีชีวิตบนโลก
ดาร์ท เป็นยานอวกาศรูปทรงสี่เหลี่ยม มีขนาดเล็กกว่าตู้กดขนม ทั้ง 2 ข้างของยานอวกาศดาร์ทมีปีกที่ติดแผงโซลาร์เซลล์ ขนาดน้ำหนัก 570 กิโลกรัม ภาพเหตุการณ์ขณะพุ่งชนถูกถ่ายทอดสดผ่านสตรีมมิ่งของนาซาที่ถ่ายโดยกล้องบนยานอวกาศดาร์ท โดยยานอวกาศดาร์ทได้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยที่มีชื่อว่า ไดมอร์ฟอส (Dimorphos) ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 160 เมตร อยู่ห่างจากโลกราว 11 ล้านกิโลเมตร ไดมอร์ฟอสเป็นดวงจันทร์บริวารที่โคจรรอบดาวเคราะห์ ดิดีมอส (Didymos) ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 780 เมตร การพุ่งชนครั้งนี้เกิดขึ้น 10 เดือนหลังยานอวกาศดาร์ทส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด SpaceX เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021
โครงการยานอวกาศดาร์ท ซึ่งใช้งบประมาณราว 330 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12,523 ล้านบาท และใช้เวลาพัฒนาราว 7 ปี เป็นโครงการเพื่อทดสอบว่ายานอวกาศจะสามารถเปลี่ยนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยโดยใช้พลังงานจลน์ได้หรือไม่ การพุ่งชนมีจุดประสงค์เพื่อเบี่ยงวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยให้พ้นกับวงโคจรของโลก อย่างไรก็ตาม ผลของการทดลองครั้งนี้ว่าจะสามารถเปลี่ยนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยสำเร็จหรือไม่จะทราบผลหลังการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์ในเดือนหน้า แต่เจ้าหน้าที่ขององค์การนาซาได้ออกมาแสดงความยินดีกับการพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยของยานอวกาศดาร์ทแล้วว่า ยานอวกาศได้ทำหน้าที่ของมันเรียบร้อยแล้ว
นางแพม เมลรอย รองผู้อำนวยการนาซา ผู้ซึ่งเป็นอดีตนักบินอวกาศ กล่าวว่า นาซาทำงานเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ และเป็นความสำเร็จสูงสุดของนาซาที่ได้ทำโครงการแบบนี้ และเทคโนโลยีแสดงให้เห็นว่าวันหนึ่งมันสามารถช่วยโลกไว้ได้
นักวิทยาศาสตร์ของนาซาเผยว่าดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสและดิดีมอสไม่ได้เป็นอันตรายต่อโลกทั้งก่อนหรือหลังการพุ่งชนของยานอวกาศดาร์ท ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส และดิดีมอสนับว่ามีขนาดเล็กมากหากเทียบกับอุกกาบาตชิกซูลุบที่ได้พุ่งชนโลกเมื่อราว 66 ล้านปีที่แล้ว ส่งผลให้พืชและสิ่งมีชีวิตในโลก 3 ใน 4 สูญพันธุ์รวมทั้งไดโนเสาร์
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 27 กันยายน 2565