ผู้ว่าแบงก์ชาติ ชี้ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย
ธปท. แจงขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย ชี้ เงินบาทไม่ต้องผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะเศรษฐกิจแตกต่างกัน ย้ำ ส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยกำหนดการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติ ไม่ใช่เหตุผลเงินบาทอ่อนค่า กรณีที่นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกต หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา น้อยเกินไป ทำให้เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากส่วนต่างระหว่างไทยกับสหรัฐยังสูงจนเกิดเงินทุนต่างชาติไหลออก
ล่าสุด นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ไทยไม่มีนโยบายในการผูกค่าเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ และนโยบายการเงินของไทย ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินตามธนาคารกลางสหรัฐเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจไทยและสหรัฐแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงดังนั้น การที่สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยแรง ไทยก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เท่ากัน การเอานโยบายการเงินของสหรัฐมาชี้นำเศรษฐกิจไทยคงไม่เหมาะ เพราะถ้าหากไทยขึ้นดอกเบี้ยตามสหรัฐ ค่าเงินบาทของไทยก็จะแข็งค่าเกินสกุลเงินภูมิภาคทั้งหมด
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่า กนง. พร้อมจัดการประชุมนัดพิเศษ ถ้ามีเหตุผลที่จำเป็น ซึ่งกนง.ยังเหลือการประชุมอีก 1 ครั้ง ในปีนี้
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้ายเสถียรภาพด้านการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยว่า การขึ้นดอกเบี้ยต้องคำนึงว่าจะไม่สร้างภาระ เพราะจะต้องดูแลผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง โดยให้เกิดความสมดุล คงไม่สามารถไปปรับตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ เพราะเศรษฐกิจไทย กับ สหรัฐฯ แตกต่างกัน และการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาก ๆ ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องค่าเงินบาทให้อ่อนค่าน้อยลงพร้อมย้ำว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นตัวกำหนดการไหลออกของเงินทุนต่างชาติเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าเงินทุนต่างชาติไหลเข้า-ออก ก็ยังเป็นปกติ