รัฐแจกของขวัญปีใหม่ 2566 หอค้า 5 ภาค สะท้อน ปังสุด "อุดรายจ่าย & เพิ่มรายได้"
สำรวจความเห็นภาคเอกชนทั่วประเทศ ผ่านหอการค้าไทย 5 ภาค ซึ่งหอการค้าแต่ละภาค สะท้อนความต้องการและข้อเสนอแนะถึงรัฐบาล
ปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนา เศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก"ของขวัญปีใหม่นี้ ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ อยากเห็นรูปธรรมของการฟื้นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หลังจากที่อีอีซี ซึมตัวในช่วงโควิดระบาด อยากเห็นการประชาสัมพันธ์ ต่อเนื่อง เพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจนักลงทุน ขณะเดียวกัน อยากให้ช่วยเหลือลดภาระประชาชนและ "เอสเอ็มอี"
สวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “รัฐควรจับเข่าคุยกับเอกชน หารือการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก บริหารจัดการ
น้ำในอนาคต ยกระดับมูลค่าภาคเกษตร และเพิ่มขีดความสามารถ หากทำอย่างนี้ได้จะลดภาระรัฐบาลในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ ในเร็วๆ นี้ หอการค้าภาคอีสานจะหารือกับทุกภาคส่วน เพื่อจะทบทวนเรื่องต่างๆ โดยจะจัดอันดับความสำคัญใหม่ หลังจากเจอน้าท่วม”
ธวัชชัย เศรษฐจินดา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง “อยากให้รัฐดูแลเรื่องค่าครองชีพโดยเฉพาะค่าไฟฟ้า และราคาสินค้า ที่ยังสูงมากในภาคธุรกิจเอง แค่ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวก็ปรับตัวได้ลาบากในเรื่องบริหารต้นทุน เห็นด้วยที่รัฐจะใช้ช่วงปีใหม่นี้ ใช้มาตรการกระตุ้นใช้จ่าย ผ่าน "ช้อปดี มีคืน" และต่อโครงการ "คนละครึ่ง" ปีนี้น่าจะประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ และเริ่มใช้ตั้งแต่พฤศจิกายนถึงธันวาคม น่าจะเหมาะสม”
สมบัติ ชินสุขเสริม ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ “อยากให้รัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ผ่านโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เพราะตอนนี้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นๆ เพราะหลายประเทศราคาถูก ขณะเดียวกัน อยากให้ นายกรัฐมนตรีจัดตั้ง คณะทำงานและเป็นประธานในการผลักดันเขตเศรษฐกิจภาคเหนือ ที่เราผลักดัน 4 จังหวัดคือ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน รวมถึงเร่งเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ควรเกิน 2% ต่อปี”
วัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ “โควิดระบาดทำให้ภาคใต้ลำบากมาก ธุรกิจเสียหายมาก จำนวนนักท่องเที่ยวหายไปหมดสิ่งที่เสนอรัฐ คือ ขอให้จัดตั้งกองทุนซอฟต์โลน ที่รัฐบาลค้ำประกันเอง 2-3 แสนล้านบาท ช่วยรับซื้อหนี้กลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่ติดบูโรในช่วงโควิด จนกว่าเขาก็จะมีรายได้เลี้ยงตัวได้เอง รวมถึงลงเงินพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ปีละ 1 แสนล้าน ต่อเนื่อง 3 ปี”
ที่มา : มติชน