ค่าแรงเวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2566
สำนักข่าว Nikkei Asia ระบุว่า จากสถานการณ์เงินเฟ้อและวิกฤตแรงงานอย่างต่อเนื่อง ค่าจ้างของแรงงานในภูมิภาคเอเชียรวมถึงเวียดนาม มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในปี 2566 เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2565 และเพื่อตอบสนองต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566
จากวิจัยของบริษัทที่ปรึกษาสหรัฐอเมริกา AON เกี่ยวกับค่าจ้างและอัตราการว่างงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2566 ระบุถึงการขึ้นอัตราค่าแรงเฉลี่ยสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยค่าแรงในอินโดนีเซียจะสูงขึ้นร้อยละ 6.8 มาเลเซียร้อยละ 5.1 ฟิลิปปินส์ร้อยละ 6 สิงคโปร์ร้อยละ 4.7 ไทยร้อยละ 5.1 และเวียดนามร้อยละ 7.9
นอกจากนี้ ผลการสำรวจเงินเดือนของบริษัทที่ปรึกษา Mercer เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ระบุให้เห็นสัญญาณการเติบโตของค่าแรงทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในปี 2566 โดยบริษัทต่างๆ คาดการณ์ว่า ค่าแรงจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 4.8 อย่างไรก็ตาม การวิจัยดังกล่าวยังระบุถึงความแตกต่างระหว่างประเทศอีกด้วย เช่น ค่าแรงในอินเดียจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2566 ร้อยละ 9.1 ในขณะที่ค่าแรงของญี่ปุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดอยู่ที่ร้อยละ 2.2 และจีนเป็นเพียงตลาดเดียวที่คาดว่าจะลดค่าแรงลงจากร้อยละ 5.4 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 5.38 ในปี 2566
ทั้งนี้ รายงานสำรวจเงินเดือนทั่วโลกของบริษัทจัดหางาน Robert Walters ระบุว่า สถานการณ์เปลี่ยนงานบ่อย (job-hopping) มักจะเกิดขึ้นในปี 2566 โดยพนักงานคาดหวังว่า จะได้รับค่าแรงเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15-20 และถึงร้อยละ 40 สำหรับงานด้านเทคโนโลยี อีกทั้งร้อยละ 80 ของพนักงานในสิงคโปร์เรียกร้องให้มีการขึ้นเงินเดือน ซึ่งร้อยละ 78 ในนั้นยินดีที่จะพิจารณาเปลี่ยนงานในปีหน้า หากเงินเดือนขึ้นต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ
ที่มา : THAIBIZ VIETNAM THAILAND BUSINESS INFORMATION CENTER