หอการค้าจี้รัฐ- ปลุกเอกชน รับมือกติกาค้าโลกใหม่ปี 66
ประธานหอการค้าไทย ปลุกผู้ประกอบการรับมือมาตรการทางการค้าใหม่ ลดเสี่ยงถูกกีดกัน เพิ่มโอกาสการแข่งขัน ทั้ง CBAM อียู คู่เอฟทีเอใหม่นาเรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในการเจรจาต่อรอง แนะรัฐ-เอกชนไทยเร่ง Net Zero ชิงได้เปรียบ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่า มาตรการ CBAM มีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง ในฐานะประเทศ “รับจ้างผลิต” ที่พึ่งพิงการส่งออกค่อนข้างมาก โดย ผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มสินค้าดังกล่าวต้องเร่งปรับตัว เพราะหากไม่สามารถดาเนินการ ตามมาตรการได้ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าส่งออกเหล่านี้ที่จะแพงขึ้นจากต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้น ทาให้เสียเปรียบคู่แข่งในตลาด ที่หนักไปกว่านั้นสินค้านั้น ๆ อาจไม่ได้รับอนุญาตให้นาเข้าอียู
หอการค้าไทย เชื่อว่าช่วงจังหวะนี้เป็นโอกาสที่ทั้งภาครัฐ และผู้ประกอบการไทย จะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โลกที่มีความท้าทาย บทบาทภาครัฐที่จะขยายโอกาสและเปิดประตูการค้ากับนานาประเทศ
ขณะที่เอกชนก็ต้องเตรียมพร้อมเพื่อบุกตลาดใหม่ ๆ ภายใต้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ก็จะส่งผลให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) ของประเทศ สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2566 ให้เป็นปีที่เติบโตอย่างมั่นคงของทุกภาคส่วนในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้จากการประชุมระดับโลก COP26 และต่อเนื่องมายัง COP27 ทาให้เห็นชัดเจนว่าประเทศไทยต้องเร่งดาเนินการตามตั้งเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ว่า ไทยจะขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero greenhouse gas emission) ภายใน หรือก่อนหน้า ปี 2065 ซึ่งปัจจุบันมี 63 ประเทศที่ได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero อย่างเป็นทางการ
ดังนั้นภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของไทยจะต้องเร่งนามาตรฐานดังกล่าวไปใช้ เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิอากาศโลกที่มีสาเหตุมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยหอการค้าไทยได้มีการสื่อสารไปยังสมาชิกและเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว ได้อย่างรวดเร็วพร้อมรับมือกับมาตรการทางการค้าใหม่ ๆ ของโลกที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา