สัญญาณดี! ความเชื่อมั่นประชาชน-นักธุรกิจ เป็นขาขึ้น สำรวจธ.ค. สูงสุดรอบ 2 ปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนธันวาคม 2565 พบว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (CCI) อยู่ที่ 49.7 จากระดับ 47.9 ความเชื่อมั่นในปัจจุบัน และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 34.6 และ 56.9 จากระดับ 32.6 และ 55.2 เทียบเดือนพฤศจิกายน 2565 อีกทั้ง ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 43.9 47.0 และ 58.1 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ที่อยู่ระดับ 42.0 45.2 และ 56.4 ตามลำดับ ขณะที่มุมมองต่อการซื้อบ้านใหม่ ซื้อรถยนต์ใหม่ ลงทุน ท่องเที่ยว และความสุขในการดำเนินชีวิตดีขึ้นทุกรายการ
 
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่มีผลต่อความเชื่อมั่นทุกรายการดีขึ้นในระดับ 1-2 จุด และแนวโน้มเป็นขาขึ้น เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งการท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติ รวมถึงดูแลสถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพ ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงกังวลต่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก เป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การส่งออกไม่ได้สูงนัก จึงทำให้ประชาชนยังใช้จ่ายแบบระมัดระวังอยู่
 
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย(ภาคธุรกิจ) เดือนธันวาคม 2565 พบว่า ดัชนีดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยดัชนีฯโดยรวม อยู่ที่ 45.5 ดัชนีฯในปัจจุบัน 45.2 และ ดัชนีฯในอนาคต 45.7 เพิ่มขึ้นจาก 43.9 43.5 และ 44.4 ตามลำดับ ปัจจัยบวก คือ มุมมองต่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาคท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มีผลต่อการจ้างงานและรายได้ที่เพิ่มขึ้นและกระจายทั่วถึงมากขึ้น การผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด ทำให้เดินทางมากขึ้นตาม ราคาน้ำมันโลกเริ่มทรงตัวระดับ และราคาพืชผลเกษตรยังดี แต่ยังกังลเรื่องค่าไฟและค่าแรง บาทแข็งเร็วเกินไป ดอกเบี้ยปรับเร็ว ภัยธรรมชาติมีผลต่อผลผลิตอยากให้รัฐช่วยเงินอุดหนุนช่วยเหลือโดยเร็ว” ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคประชาชนและภาคธุรกิจ สะท้อนว่าความเชื่อมั่นเป็นขาขึ้น และมีโอกาสกลับไปแตะระดับปกติ คือความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ระดับ 100 และ ความเชื่อมั่นธุรกิจอยู่ระดับ 50 หลังไตรมาส 3 ปีนี้ 
 
ซึ่งมีปัจจัยหนุนหลายเรื่อง อาทิ คาดเลือกตั้งช่วงไตรมาส2มีเงินสะพัด 4-5 หมื่นล้านบาท จากนั้นจัดตั้งรัฐบาลใหม่และออกนโยบายกระตุกเศรษฐกิจ บวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว การส่งออกยังบวกได้ 1-2% และภาคท่องเที่ยวไทยกลับมาเป็นไฮซีซั่นอีกครั้ง คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเกิน 25 ล้านคน อีกทั้งการออกมาทำกิจกรรมมากขึ้นตามเทศกาลต่างๆ ก็จะส่งผลต่อจีดีพีครึ่งปีหลังโตเกิน 3.7-3.8% จากครึ่งปีแรก 3.4-3.5% ส่งผลให้จีดีพีไทยทั้งปีโตเกิน 3.6% และมีโอกาสใกล้ถึง 4% ” นายธนวรรธน์ กล่าว
 

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)